หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐบาลจีนแถลงปรับแนวทางตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 โดยเพิ่มวิธีการวินิจฉัยทางคลินิก (Clinical diagnosis) ในการจำแนกผู้ติดเชื้อ นอกเหนือจากการใช้ชุดตรวจกรดนิวคลีอิกของเชื้อไวรัส (Nucleic Acid Test หรือ NAT) ซึ่งใช้มาตั้งแต่เริ่มประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ ทำให้ชุดตรวจสอบ NAT ขาดแคลน และมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้เกิดการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน
สื่อต่างชาติรายงานว่า การปรับวิธีตรวจสอบผู้ติดเชื้อของจีนส่งผลให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงถึงอย่างมีนัยสำคัญ โดยสถิติผู้ติดเชื้อที่พบในประเทศจีนเมื่อ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 14,840 ราย และผู้เสียชีวิตอีก 1,360 ราย แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมเป็นเกือบ 60,000 ราย
ขณะเดียวกัน สื่อของจีนรายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ส่งทหาร 2,600 นาย ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือบุคลากรการแพทย์ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา COVID-19 โดยจะประจำการที่โรงพยาบาลอู่ฮั่นและโรงพยาบาลฮั่วเสินซานที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากจีน คือ ญี่ปุ่น พบผู้ติดเชื้อรวม 203 ราย ตามด้วยสิงคโปร์ 50 ราย และไทย 33 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตที่พบนอกจีนแผ่นดินใหญ่มีทั้งหมด 2 ราย คือ ฮ่องกงและฟิลิปปินส์
ส่วนเรือสำราญเวสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสารราว 1,400 คน และลูกเรือ 802 คน ซึ่งถูก 5 ประเทศและเขตปกครอง รวมถึงไทย ปฏิเสธไม่ให้เทียบท่าเพราะเกรงจะพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ถึงท่าเรือที่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ช่วงเช้า 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
ที่มา: CNN/ SCMP/ Washington Post/ Xinhua
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: