Trending Now 30 มกราคม 2561
จีนสร้างจานดาวเทียมใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมสำรวจจักรวาล
ปัจจุบันจีนเริ่มก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแล้ว ล่าสุด Seeker เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี เผยว่าจีนเตรียมสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ใหญ่ที่สุดในโลกและประมวลผลเร็วที่สุด เพื่อสำรวจจักรวาลและค้นหามนุษย์ต่างดาว ภายใต้โครงการ Xinjiang Qitai 110-meter Radio Telescope หรือ QTT
ก่อนหน้านี้ จีนเคยสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่และทรงประสิทธิภาพมากที่สุดมาแล้วในหุบเขาที่เมืองกุ้ยโฉว (Guizhou) ในปี 2016 แต่กล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวไม่สามารถเคลื่อนไหวและกำหนดทิศทางได้ ทำงานได้แค่ชี้ขึ้นท้องฟ้าตรง ๆ เท่านั้น
สำหรับกล้องโทรทรรศน์วิทยุตัวใหม่ที่จีนกำลังจะก่อสร้างนี้ สามารถหมุนได้รอบทิศทาง และกำหนดเป้าหมายได้ทั่วทุกมุมบนท้องฟ้า คล้ายกล้องโทรทรรศน์ Green Bank Telescope แต่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเป้าหมายหลักของการสร้างกล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ เพื่อใช้สำรวจแหล่งพลังงานแม่เหล็กในอวกาศ แผนที่บนกาแล็กซี และอาจจะค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมากขึ้น
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะสร้างกล้องโทรทรรศน์นี้ที่ไหน แต่หลายฝ่ายมองว่าอาจจะใช้เวลาสร้างนานพอสมควร ด้วยเรื่องงบประมาณและความล่าช้าอื่น ๆ แต่คาดว่า จีนจะสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุนี้เสร็จภายในปี 2030
Facebook ประกาศเพิ่มข่าวท้องถิ่นบนหน้าฟีด
มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก ประกาศผ่านบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นโพสต์ข่าวจากหนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นบนหน้านิวฟีดมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับเรื่องในประเทศมากขึ้น และมาร์กยังบอกอีกว่า ข่าวท้องถิ่นจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจปัญหาและประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้ใช้งานโดยตรง ซึ่งมาร์กวางแผนนำร่องฟีเจอร์ดังกล่าวในสหรัฐฯก่อน และจะขยายการใช้งานให้ครอบคลุมทั่วโลกต่อไป
เฟซบุ๊กบอกว่า การเพิ่มข่าวท้องถิ่นบนหน้านิวฟีดนั้น จะช่วยให้สื่อหรือผู้เผยแพร่ข่าวในพื้นที่นั้นสามารถเข้าถึงฐานผู้เสพสื่อได้มากขึ้น และลดปัญหาข่าวปลอมจากเพจต่าง ๆ ที่พยายามเลียนแบบข่าวท้องถิ่นเพื่อเรียกยอดไลก์ แต่ในขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นก็ต้องแข่งขันกันเองเพื่อดึงฐานผู้อ่านให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ มาร์ก บอกว่าจะลดข่าวสารบนหน้านิวฟีดลง จาก 5 เปอร์เซ็น ให้เหลือ 4 เปอร์เซ็น และแทนที่ด้วยโพสต์จากเพื่อนหรือคนในครอบครัวมากขึ้น
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กยังประกาศเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเป็นครั้งแรก ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป หรือ GDPR โดยจะปล่อยวิดีโอให้ความรู้เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานให้ควบคุมได้ว่าจะให้ใครเข้าถึงข้อมูลได้บ้าง และจะจัดการกับข้อมูลที่เฟซบุ๊กใช้ในการเลือกยิงโฆษณาใส่ผู้ใช้งาน หรือวิธีลบโพสต์เก่าได้อย่างไร รวมทั้งตอบคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูล ในกรณีที่เราลบบัญชีเฟซบุ๊กนั้นไปแล้ว เฟซบุ๊กจึงอยากให้สิทธิผู้ใช้งานในการจัดการข้อมูลส่วนตัวได้ ตามสิ่งที่เฟซบุ๊กพูดไว้ว่า " ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะแชร์ทุกๆอย่างให้ทุกๆคนได้รับรู้" นั่นเอง
Samsung เล็งจดสิทธิบัตร ยืนยันตัวตนผ่านระบบไหลเวียนเลือด
ระบบยืนยันตัวตนในปัจจุบันน���้ ล้ำหน้าไปเรื่อย ๆ มีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ สแกนม่านตา สแกนใบหน้า และล่าสุด ซัมซุงเตรียมจดสิทธิบัตร ระบบยืนยันตัวตนด้วยการตรวจจับระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งซัมซุงบอกว่าแต่ละคนนั้นจะมีรูปแบบการไหลเวียนโลหิตที่แตกต่างกัน
โดยซัมซุงได้ยื่นจดสิทธิบัตรดังกล่าวกับสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐอเมริกา หรือ USPTO ไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2016 ซึ่งสิทธิบัตรนั้นระบุถึงหลักการยืนยันตัวตน ที่ซัมซุงจะใช้เซ็นเซอร์วัดจากการไหลเวียนโลหิตบนนิ้วมือหรือข้อมือทั้งบนสมาร์ตโฟนและสมาร์ตวอตช์
การที่ซัมซุงพยายามคิดค้นรูปแบบการยืนยันตัวตนให้หลากหลายและแม่นยำมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับการใช้งาน 'ซัมซุงเพย์' บนสมาร์ตวอตช์ด้วย ซึ่งในอนาคต ผู้ใช้งานอาจจะทำธุรกรรมหรือซื้อสินค้าได้เพียงแค่มีนาฬิกาเรือนเดียว
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือออกมาอีกว่า ซัมซุงกาแล็กซี เอส 9 ที่เตรียมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ จะมาพร้อมกับระบบยืนยันตัวตนแบบสแกนม่านตา และระบบสแกนใบหน้า คล้ายเฟซไอดี บนไอโฟนเทน ซึ่งทั้งสองระบบจะสามารถทำงานได้พร้อมกัน และยังมีภาพหลุดของกาแล็กซี เอส 9 ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ต้องมารอดูกันว่าฟีเจอร์และหน้าตาของกาแล็กซี เอส 9 ที่หลุดออกมานั้น จะตรงกับของจริงหรือไม่ ซึ่งเทรนดิงนาว จะพาคุณผู้ชมไปเกาะติดงานเปิดตัวกาแล็กซี เอส 9 ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้