ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า ไม่มียีนใดยีนหนึ่งที่กำหนดว่าใครจะเป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ แต่มีความแปรผันทางพันธุกรรมหลายประการที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ
ผลการศึกษาที่เพิ่งถูกตีพิมพ์ในนิตยสารทางวิชาการ Science ได้นำข้อมูลของคนเกือบ 500,000 คนมาวิเคราะห์ทางพันธุกรรม และพบตัวแปรทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน แต่ปัจจัยทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักเพศเดียวกันไม่ถึงร้อยละ 25
นักวิจัยได้สแกนจีโนม ข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดที่จำเป็นใช้ในการสร้างและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งอยู่บนดีเอ็นเอ ของคนที่ลงทะเบียนกับโครงการของธนาคารทรัพยากรชีวภาพของอังกฤษ หรือ UK Biobank 409,000 คน และอีก 68,500 คนที่ลงทะเบียนกับ 23andMe บริษัทด้านพันธุศาสตร์ จากนั้นคนที่เข้าร่วมโครงการนี้ยังถูกสัมภาษณ์ว่าพวกเขามีแฟนเพศเดียวกันหรือมีแฟนต่างเพศ
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเอ็มไอทีสรุปว่า พันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเพียงร้อยละ 8 - 25 โดยรองศาสตราจารย์เบน นีล หนึ่งในนักวิจัยจากแผนกวิเคราะห์และแปลความทางพันธุศาสตร์ของโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ เจเนอรัล กล่าวว่า ไม่พบยีนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักเพศเดียวโดยเฉพาะ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจดีเอ็นเอว่าใครเป็นคนรักเพศเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้พบการแปรผันทางพันธุกรรม 5 ประการที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน รวมถึงจุดที่เกี่ยวข้องกับการได้กลิ่นและฮอร์โมนเพศ แต่การแปรผันทางพันธุกรรมเหล่านี้รวมกันแล้ว ก็ยังส่งผลต่อพฤติกรรมรักเพศเดียวกันน้อยมาก
จารุพล สถิรพงษะสุทธิ นักวิจัยอาวุโสของ 23andMe กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องธรรมชาติและปกติในความหลากหลายของมนุษย์ และสนับสนุนจุดยืนว่า เราไม่ควรพยายามและพัฒนา “การรักษาเกย์” เพราะไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย
ซีค สโตกส์ จาก GLAAD องค์กรเคลื่อนไหวด้านความหลากหลายทางเพศกล่าวว่า การศึกษานี้ยืนยันว่า “ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ธรรมชาติหรือการเลี้ยงดูที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเกย์หรือเลสเบี้ยน”
ส่วนเดวิด เคอร์ทิส ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากคณะพันธุศาสตร์มหาวิทยาลัย UCL ก็ระบุว่า การศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ยีนเกย์” ไม่มียีนใดยีนหนึ่งที่จะกำหนดรสนิยมทางเพศของมนุษย์ สิ่งที่พบก็คือ ตัวแปรมากมายที่เกี่ยวข้องในระดับเล็กน้อย และต่อให้พฤติกรรมรักเพศเดียวกันจะไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมอย่างที่วิจัยนี้สรุป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลิกส่วนตัวที่มีมาแต่กำเนิดและขาดไม่ได้