รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 7 พฤษภาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ชี้ชัด “อนุทิน” ตอบนักข่าว เหมือนกำลังบอกว่าถูกรวบอำนาจโดย ศบค.ไปแล้ว “อ.วิโรจน์” ตั้งข้อสังเกต จากคนเรียก “เสี่ยหนู” กำลังกลายเป็นหนูตัวเล็ก “คำผกา” ชี้ จู่ ๆ กลายเป็นตุ๊กตาประดับรัฐบาล และรัฐบาลกำลังดัน “หมอทวีศิลป์” ไม่ใช่แค่โฆษก แต่เป็นแอมบาสเดอร์ คอยรับหน้าแทน “บิ๊กตู่”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า อสม.ได้รับค่าตอบแทนแล้ว / จากการสอบถามข้อเท็จจริง พบว่า กรณีของบางพื้นที่ เกิดข้อผิดพลาดเรื่องการโอนเงิน แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน รับประกันว่า อสม.ได้รับเงินค่าตอบแทนเต็มจำนวน
ส่วนความคืบหน้าการศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยคนไทย / นายอนุทินเปิดเผยว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กำลังไปหารือมหาวิทยาลัยต่างๆ และได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีนในการศึกษาและวิจัยร่วมกันด้วย เน้นย้ำว่าการทำเอ็มโอยูดังกล่าว เราต้องไม่เสียเปรียบ จึงขอให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี ทั้ง 2 ฝ่ายต้องเข้าถึงพร้อมกันและได้รับความความยุติธรรมเท่ากัน
เมื่อถามว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเสนอให้ ศบค.มีการผ่อนปรนมาตรการใดอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ทุกอย่างอยู่รวมที่ศบค. ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเป็นฝ่ายสนับสนุน ถ้าเรามีมาตรการอะไรดีๆเพิ่มเติม เราจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการศบค. ซึ่งเราทำเช่นนี้มาตลอด
นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ยื่นหนังสือต่อ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. / เพื่อขอให้ตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐและขอให้เปิดเผยผลการตรวจสอบต่อประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องประกอบด้วย
1.) มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
2.) มีการออก พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ปี 2563 และ พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด -19 ปี 2563 หรือการ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ
3.) มีการเบิกจ่ายงบประมาณตามปกติและการเงินกู้เพื่อลดผลกระทบด้านต่างๆจากโควิด -19 ระบาด โดยให้ตรวจสอบว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลและกลไกที่เกี่ยวข้องเป็นไปโดยชอบหรือไม่, สอด คล้องกับความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด, คุ้มค่ากับประโยชน์ที่ประชาชนได้รับและเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนหรือไม่
นายนิคม ยังตั้งข้อสังเกตในฐานะ ส.ส.ด้วยว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้คิดได้ว่า ต้องการความได้เปรียบทางการเมือง โดยเฉพาะปิดกั้นผู้ที่เห็นต่างและการชุมนุมของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล มากกว่าการจัดการปัญหาโควิด -19 แพร่ระบาด ส่วนการเยียวยาประชาชนนั้นควรเยียวยาทุกคนอย่างถ้วนหน้าหรืออาจยกเว้นข้าราชการที่มีเงินเดือนประจำ
พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้ ส.ส.ทุกคน โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนญัตติขอเปิดประชุมสภาวิสามัญให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ปัญหาประชาชนและขอให้สนับสนุนญัตติด่วน ที่พรรคก้าวไกล หนึ่งในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ยื่นให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้งบประมาณในสถานการณ์ โควิด - 19 ด้วย