รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand มอง “ผู้มีอำนาจ” ใช้กฎหมายเอาผิด กลุ่มเคลื่อนไหวฝั่งประชาธิปไตย เพื่อรอวันอ่อนแรง และจับเข้าคุก “คำผกา” ชี้เหมือนการขี่หลังเสือ ที่แกนนำต้องจัดการการเคลื่อนไหวให้ดี เพราะยังมีอีกหลายยก ที่ผู้มีอำนาจไม่หยุดใช้กลยุทธ์ตอบโต้ รวมถึงปลุกมวลชนที่ตามเชียร์ “ประยุทธ์”
พล.ต.ต. สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มแกนนำเยาวชนปลดแอก ที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ว่า ออกหมายจับไป 15 ราย จับกุมแล้ว 11 ราย เหลืออีก 4 ราย ซึ่งประสานมาแล้วแต่ยังไม่เข้ามามอบตัว ตามนัด ส่วนหมายเรียกอีก 15 ราย ก็ยังไม่ได้รับการประสาน และมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งหมายเรียก เป็นข้อหาที่อยู่ในศาลแขวง มีอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี เช่น ความผิดตาม พ.ร.บ. ความสะอาด หรือ พ.ร.บ.การควบคุมโรค
ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากการตรวจสอบและการรวบรวมหลักฐาน จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีการกระทำความผิดที่เข้าข่าย ความผิด ตามมาตรา 116 ที่ต้องถึงขั้นออกหมายจับ เป็นเพียงความผิดเล็กน้อย ที่อาจจะต้องมีการเชิญตัวมาเพื่อพูดคุยหรือทำความเข้าใจ
ส่วนกรณีการชุมนุมที่ลานคนเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีแกนนำคนใด ที่ศาลให้ประกันตัวไปโดยตั้งเงื่อนไขห้ามเข้าร่วมชุมนุม และกระทำความผิดซ้ำเดิม เข้าร่วมชุมนุมบ้าง หากพบว่า มีแกนนำคนใดทำผิดเงื่อนไขของศาล ก็จะยื่นขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวต่อไป เช่นเดียวกับนายอานนท์ นำภา และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก ที่ถูกตำรวจยื่นเพิกถอนการประกันตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งศาลได้มีการนัดไต่สวนในวันที่ 3 กันยายนนี้
ส่วนกรณี เอกสารคำสั่งจัดรถอุปกรณ์ต่อต้านตัดสัญญาณการสื่อสารในการชุมนุมที่ลานคนเมือง รอง ผบช.น. ยอมรับว่า ออกคำสั่งจริง ไม่ได้เป็นเอกสารลับ เนื่องจากตำรวจต้องเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งรถอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์ละเมิดสิทธิเสรีภาพ แต่นำไปใช้กรณีพบวัตถุต้องสงสัยจะได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที ไม่ได้นำไปตัดสัญญาณการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้ชุมนุม
ขณะที่วันนี้ (24 ส.ค. 63) มีการชุมนุม ของกลุ่มแนวร่วมประชาชนอีสานเพื่อประชาธิปไตย (นปป.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น โดยในงานจะมีการปราศรัยจากพี่น้องคนอีสานผู้เดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่า, ปัญหาการเกษตร, ปัญหาเหมืองแร่, ปัญหาพลังงาน, ปัญหาจากการสร้างเขื่อน, ปัญหาการสร้างโรงงานน้ำตาล, ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจนเมือง, การกระจายอำนาจ, หลักประกันสุขภาพ รัฐสวัสดิการ ผู้หญิงอีสาน ตลอดจนปัญหาการศึกษา และปัญหาเยาวชน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการแสดงดนตรีและหมอลำต้านเผด็จการด้วย ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่นัดรวมตัวจัดกิจกรรมเรียกร้อง 3 ข้อหลัก คือให้รัฐบาลยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญ ที่บริเวณศาลาอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)
น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โฆษก สนท. เปิดเผยทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ได้รับเอกสารจากมหาวิทยาลัยเพื่อเข้ารับการสอบข้อเท็จจริงจากการจัดกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน พร้อมระบุว่า ขนาดหมายเรียกจาก สน.หนูยังไม่ไป คุณพี่คิดหรอคะว่าวันนี้หนูจะไปให้สอบสวน ทำให้วันนี้ น.ส.ปนัสยา พร้อมด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ได้นำเครื่องขยายเสียงไปจัดการปราศรัยที่หน้าตึกโดมบริหาร ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในเวลาประมาณ 14.00 น.แทน
น.ส.ปนัสยากล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เอกสารหน้าแรกบอกว่าสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่หน้าที่ 3 บอกว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ โดยให้รวบรวมข้อเท็จจริง พร้อมหลักฐานการชุมนุมเพื่อศึกษาว่าผู้กระทำได้ทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ หรือผิดระเบียบนักศึกษาหรือไม่อย่างไร และเสนอแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมสำหรับการทำความผิดในแต่ละกรณีของแต่ละราย เรียนถามผู้บริหาร ซึ่งอาจได้ยินอยู่ว่า การแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษาในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่ของนักศึกษานั้นผิดอย่างไร
น.ส.ปนัสยาได้ย้ำถึง 10 ข้อเสนออีกครั้ง พร้อมระบุว่า วันนี้มาที่หน้าตึกโดมบริหาร เพื่อหวังให้ผู้บริหารที่อยู่ข้างบนได้ยินชัดว่าการกระทำใดๆ ที่เราได้กระทำไปไม่ใช่ความผิด และไม่ควรมองว่าการกระทำเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อเสรีภาพ เป็นความผิด ก่อนจะฉีกเอกสารมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นหมายเรียกสอบสวน
“นี่คือการเตือนว่า อย่าให้เราได้เห็นอีกว่า ม.ธรรมศาสตร์ ต่อต้านการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านเสรีภาพการแสดงออกของนักศึกษา ถ้ามีอีก ไม่ใช่ว่าเราจะต่อต้านรัฐบาล แต่เราจะต่อต้าน ม.ธรรมศาสตร์”