อีลอน มัสก์ยอมลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเทสลา พร้อมจ่ายค่าปรับ 646 ล้านบาทในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน หลังทวีตว่าจะนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
สำนักข่าว BBC รายงานว่า 'อีลอน มัสก์' ทำข้อตกลงกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ หรือ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่า จะยอมออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทเทสลาภายใน 45 วัน และเขาจะไม่ไปกลับมาดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลา 3 ปี โดยในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งนายมัสก์เองและบริษัทเทสลาจะยอมจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 646 ล้านบาท หลังจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยื่นฟ้องมัสก์ในข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
นายเจ เคลตัน ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ระบุว่าเขาสนับสนุนมาตรการดังกล่าวเต็มที่ในการจัดการกับนายอีลอน มัสก์ และเทสลา เพราะเป็นการลงโทษที่ส่งผลดีทั้งกับบรรดานักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ และตัวบริษัทเทสลาเอง
นอกจากนี้ นายเคลตันยังกล่าวอีกด้วยว่า บทลงโทษครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ อย่างการประกาศนำบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต้องมีขั้นตอนกระบวนการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะที่ชัดเจน มีหลักการ และรอบคอบ ไม่ใช่การป่าวประกาศผ่านทางโซเชียลมีเดียดังเช่นที่นายมัสก์ได้กระทำ เพราะถือเป็นวิธีหนึ่งในการกระทำให้เกิดความผันผวนขึ้นในตลาด
และที่สำคัญ นายเคลตันชี้ว่า ทุกบริษัทจะต้องระวังให้มากในการออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อผู้กล่าวอ้างข้อมูลต่อสาธารณะเป็นบุคคลจากภายในองค์กร พวกเขาจะต้องรู้จักแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูด และต้องแสดงความพยายามให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยว่า ทางองค์กรมีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าแถลงการณ์ต่าง ๆ เป็นการประกาศข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่ข้อบิดเบือนที่อาจทำให้การตัดสินใจของนักลงทุนนั้นเปลี่ยนแปลงได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายมัสก์จะต้องออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทเทสลา แต่นายมัสก์ยังสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของเทสลาได้ต่อไป โดยมีเงื่อนไขว่า เขาจะต้องทำตามขั้นตอนของฝ่ายสื่อสารองค์กรทุกครั้งเมื่อจะทวีตอะไรเกี่ยวกับบริษัท แม้ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. สหรัฐฯ พยายามจะสั่งให้นายมัสก์ต้องลาออกจากทุกตำแหน่งที่เขานั่งเป็นกรรมการบริหารของบริษัทต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม และขณะนี้เขามีเวลาเหลือเพียง 45 วันเท่านั้นในการดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเทสลาก่อนจะต้องย้ายไปเป็นซีอีโอแทน
สำนักข่าว BBC ระบุว่า ตำแหน่งของนายอีลอน มัสก์ จะถูกเปลี่ยนเป็นประธานอิสระของเทสลา หรือในภาษาอังกฤษใช้คำว่า 'Independent Chairman' ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวนี้จะถูกแต่งตั้งกันใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยบอร์ดของบริษัทเทสลา ซึ่งมาตรการลงโทษด้วยการสั่งให้แยกอำนาจของประธานบริษัทและซีอีโอออกจากกัน คือหนทางเดียวที่จะสามารถลดทอนอำนาจของนายมัสก์ภายในบริษัทเทสลาลงได้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น นักวิเคราะห์มองว่านี่คือสถานการณ์ที่จะส่งผลดีต่อตัวนายมัสก์เอง เนื่องจากเขายังสามารถดูแลการดำเนินการของบริษัทได้เช่นเดิม
สำหรับการถูกถอดออกจากตำแหน่งประธานบริษัทพร้อมกับค่าปรับครั้งนี้ เกิดจากการที่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายมัสก์ได้ทวีตข้อความว่า เขากำลังพิจารณาจะนำเทสลาออกจากตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการจะซื้อหุ้นคืน และเขาได้เตรียมเงินทุนไปแล้ว ซึ่งทำให้หุ้นเทสลาที่มีราคาหุ้นละ 420 ดอลลาร์ หรือราว 14,000 บาท ในเวลานั้นเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
การทวีตเพียงไม่กี่ครั้งของนายมัสก์ได้สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ให้กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทำให้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายว่าความเคลื่อนไหวครั้งนั้นเป็นเพียงการล้อเล่นหรือไม่ หรือนายมัสก์จะสามารถทำตามที่เขาทวีตได้สำเร็จ และนั่นก็ทำให้หุ้นของเทสลาถูกระงับการซื้อขายสำหรับการเทรดในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 7 สิงหาคมตามเวลาของสหรัฐฯ โดย Bloomberg ระบุว่าหุ้นของเทสลามีราคาซื้อขายสุดท้ายของนั้นอยู่ที่ 379.57 ดอลลาร์ หรือราว 12,605 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์จากราคาปิดของ 1 วันก่อนหน้า
The Wall Street Journal รายงานเพิ่มเติมในขณะนั้นว่า นายอีลอน มัสก์ ได้ถือครองหุ้นอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทเทสลา โดยเป็นการอ้างอิงข้อมูลจาก S&P Global Market Intelligence เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นและนักลงทุนของเทสลานั้นประหลาดใจอย่างมากที่นายมัสก์ประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าว แทนที่จะแจ้งข่าวนี้ต่อผู้ถือหุ้นแบบเป็นการภายในเสียก่อน
ด้าน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่นายอีลอน มัสก์ทวีตเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและทำให้คนทั้งโลกเข้าใจผิด เพราะนายมัสก์ยังไม่ได้หารือเงื่อนไขข้อตกลง รวมถึงเรื่องราคากับแหล่งทุนใด ๆ เลย รวมถึงก่อนหน้านั้น มัสก์ตอบโต้ว่าการตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์เป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรม และสิ่งที่เขาทวีตก็เป็นไปเพื่อความจริง ความโปร่งใส และเพื่อนักลงทุน