ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - ​อดีตภรรยา 'เบซอส' บริจาคเงิน 50% ให้การกุศล - Short Clip
World Trend - 'เจฟฟ์ เบซอส' แห่ง Amazon รวยกว่า 48 ประเทศรวมกัน - Short Clip
World Trend - แอปเปิลขยายแผนจ้างงานในซีแอตเทิล - Short Clip
World Trend - 'ดูไบ' โอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทย - Short Clip
World Trend - ​​สตูดิโอใหญ่เลือก 'นิวเม็กซิโก' ทำเลเมืองหนังใหม่ - Short Clip
World Trend - 'แอมะซอนโก' ทดลองให้บริการร้านขนาดเล็กขยายฐานลูกค้า - Short Clip
World Trend - แอมะซอนเตรียมเปิด 3,000 ร้าน ใน 3 ปี - Short Clip
World Trend - ​ปักกิ่งเปิดใช้ 5G บนรถไฟใต้ดิน - Short Clip
World Trend - 'แอมะซอน' แซง 'แอปเปิล' เป็นบริษัทมูลค่าสูงสุด - Short Clip
World Trend - ผู้ชมจีนบ่น 'กัปตันมาร์เวล' ไม่สวยตรงสเปก - Short Clip
World Trend - ‘ปูซาน’ ขึ้นแท่นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเอเชีย - Short Clip
World Trend - ชาวอเมริกันเกือบครึ่งมองว่า 'สตรีมมิง' ล้นตลาด - Short Clip
World Trend - 'เนื้อทางเลือก' หรือเนื้อสัตว์ในอนาคตจะมาจากแล็บ? - Short Clip
World Trend - แอปเปิลสั่งลดการผลิตไอโฟนรุ่นใหม่ลง 20 % - Short Clip
World Trend - 'เฟซบุ๊ก เมสเซนเจอร์' ทดสอบดาร์กโหมดในบางประเทศ - Short Clip
World Trend - 'มัสก์' ต้องทำอย่างไรหากถอน 'เทสลา' จากตลาดหลักทรัพย์ - Short Clip
World Trend - สตาร์ตอัปสหรัฐ เตรียมสร้างโรงแรมบนอวกาศ - Short Clip
World Trend - แอมะซอนหนุน 'สตาร์ตอัปแชร์รถเมล์' ลดรถติด - Short Clip
World Trend - แอมะซอนกับการปรับค่าแรงเอาชนะคู่แข่ง - Short Clip
World Trend - นครวัดขึ้นแท่นเป็นแลนด์มาร์กอันดับ 1 ของโลก - Short Clip
World Trend - แอมะซอนโตปีเดียว 59% ส่ง 'เจฟฟ์ เบซอส' ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 โลก - Short Clip
Mar 7, 2018 10:50

อีคอมเมิร์สยักษ์ใหญ่ของโลกจากสหรัฐฯอย่าง 'แอมะซอน' เติมโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ้าของบริษัทรวยขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 โลกแทนที่บิล เกตส์

นิตยสารฟอร์บส์ได้จัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดในโลกประจำปีนี้ Forbes Billionaires 2018: Meet The Richest People On The Planet

ซึ่งในปีนี้ นาย เจฟ เบซอส วัย 54 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแอมะซอนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก แทนที่นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 2 

โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของบริษัทแอมะซอนเพิ่มสูงขึ้นถึง 59% เลยทำให้เบสซอซมีทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่า 112,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 ล้าน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงเกือบ 2 เท่าตัว ขณะที่นายบิล เกตส์ มี ทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 90,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคนที่รวยที่สุดบนโลกเป็นอันดับ 3 ยังคงเป็นนาย วอร์เรน บัฟเฟต์ เศรษฐีนักลงทุนวัย 87 ปี ที่มีทรัพย์สินอยู่ 84,000 ล้านดอลลาร์

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วงลงมา 200 อันดับจากอันดับที่ 544 ไปอยู่ที่ 766 โดยใน 1 ปีที่ผ่านมาเขาสูญเงินไปราว 400 ล้านดอลลาร์ จนขณะนี้มีทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 3,100 ล้านดอลลาร์ 

ออกซ์แฟม องค์กรที่ต่อสู้เพื่อคนยากจน ความเสมอภาค และความยุติธรรม ประเมินว่า นายเจฟ เบซอส และ บิล เกตส์ เป็นบุคคลสองคนที่อาจจะขึ้นเป็นอภิมหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลกภายใน 25 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม นายเกตส์ ขณะนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสนใจที่จะได้ครองตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลก เนื่องจากเขาได้ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับงานด้านการกุศลเพื่อพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุขทั่วโลกผ่านมูลนิธิของตัวเอง

ขณะที่นายเบซอสยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ออกซ์แฟมจึงคาดการณ์ว่าจำนวนทรัพย์สินของเบซอสจะค่อยๆเพิ่มขึ้นและกลายเป็นคนที่มีโอกาสเป็นอภิมหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลกได้

ในปี 2004 เขาก่อตั้งบริษัทอวกาศของตัวเองด้วยที่ชื่อว่า Blue Origin และมีจุดประสงค์เพื่อพามนุษย์ไปท่องเที่ยวอวกาศ ส่วนในปี 2013 นายเบซอสได้ประกาศเข้าซื้อหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์จนทำให้เขาถูกพูดถึงขึ้นอย่างมาก และ นอกจากนี้ธุรกิจต่างๆของเขาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากยังรวมถึง Kindle อุปกรณ์ดิจิทัลสำหรับอ่านหนังสือ / Amazon Prime สำหรับการดูวิดีโอแบบสตรีมมิงหรือวิดีโอออนไลน์ คู่แข่งสำคัญของ Netflix , Alexa ผู้ช่วยส่วนบุคคลอัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง และตอนนี้ก็มีการใช้โดรนส่งพัสดุอีกด้วย

อีกหนึ่งโปรเจคใหญ่ของแอมะซอนก็คือการพัฒนาบริการนวัตกรรมการเงิน มีการเจรจาเพื่อร่วมมือกับบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง J.P. Morgan ในการเป็น Payment Gateway เพื่อที่จะให้บริการการเงินเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเจาะกลุ่มได้ตรงเป้าและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในอนาคต และเป็นกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่พร้อมจะให้ความเชื่อถือในการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินกับบริษัทเทคโนโลยีอย่างแอมะซอนมากกว่ากลุ่มลูกค้ารุ่นเก่าที่เชื่อถือสถาบันการเงินมากกว่า

ในอีกเพียง 5 ปีข้างหน้า แอมะซอนคาดว่าจะมีลูกค้าที่ใช้บริการทางการเงินในสหรัฐฯมากกว่า 70 ล้านคน ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าความกลัวของหลายฝ่ายที่กังวลว่า FinTech Startup จะเข้ามา Disrupt การให้บริการทางการเงินนั้นไม่จริงเสมอไ�� เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์สที่กำลังมาแรงในปัจจุบันก็น่ากลัวไม่แพ้กัน

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog