อีคอมเมิร์สยักษ์ใหญ่ของโลกจากสหรัฐฯอย่าง 'แอมะซอน' เติมโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ้าของบริษัทรวยขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 โลกแทนที่บิล เกตส์
นิตยสารฟอร์บส์ได้จัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดในโลกประจำปีนี้ Forbes Billionaires 2018: Meet The Richest People On The Planet
ซึ่งในปีนี้ นาย เจฟ เบซอส วัย 54 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแอมะซอนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก แทนที่นายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 2
โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของบริษัทแอมะซอนเพิ่มสูงขึ้นถึง 59% เลยทำให้เบสซอซมีทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่า 112,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 ล้าน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงเกือบ 2 เท่าตัว ขณะที่นายบิล เกตส์ มี ทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 90,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคนที่รวยที่สุดบนโลกเป็นอันดับ 3 ยังคงเป็นนาย วอร์เรน บัฟเฟต์ เศรษฐีนักลงทุนวัย 87 ปี ที่มีทรัพย์สินอยู่ 84,000 ล้านดอลลาร์
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วงลงมา 200 อันดับจากอันดับที่ 544 ไปอยู่ที่ 766 โดยใน 1 ปีที่ผ่านมาเขาสูญเงินไปราว 400 ล้านดอลลาร์ จนขณะนี้มีทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 3,100 ล้านดอลลาร์
ออกซ์แฟม องค์กรที่ต่อสู้เพื่อคนยากจน ความเสมอภาค และความยุติธรรม ประเมินว่า นายเจฟ เบซอส และ บิล เกตส์ เป็นบุคคลสองคนที่อาจจะขึ้นเป็นอภิมหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลกภายใน 25 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม นายเกตส์ ขณะนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสนใจที่จะได้ครองตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลก เนื่องจากเขาได้ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับงานด้านการกุศลเพื่อพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุขทั่วโลกผ่านมูลนิธิของตัวเอง
ขณะที่นายเบซอสยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ออกซ์แฟมจึงคาดการณ์ว่าจำนวนทรัพย์สินของเบซอสจะค่อยๆเพิ่มขึ้นและกลายเป็นคนที่มีโอกาสเป็นอภิมหาเศรษฐีระดับล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลกได้
ในปี 2004 เขาก่อตั้งบริษัทอวกาศของตัวเองด้วยที่ชื่อว่า Blue Origin และมีจุดประสงค์เพื่อพามนุษย์ไปท่องเที่ยวอวกาศ ส่วนในปี 2013 นายเบซอสได้ประกาศเข้าซื้อหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์จนทำให้เขาถูกพูดถึงขึ้นอย่างมาก และ นอกจากนี้ธุรกิจต่างๆของเขาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากยังรวมถึง Kindle อุปกรณ์ดิจิทัลสำหรับอ่านหนังสือ / Amazon Prime สำหรับการดูวิดีโอแบบสตรีมมิงหรือวิดีโอออนไลน์ คู่แข่งสำคัญของ Netflix , Alexa ผู้ช่วยส่วนบุคคลอัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง และตอนนี้ก็มีการใช้โดรนส่งพัสดุอีกด้วย
อีกหนึ่งโปรเจคใหญ่ของแอมะซอนก็คือการพัฒนาบริการนวัตกรรมการเงิน มีการเจรจาเพื่อร่วมมือกับบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง J.P. Morgan ในการเป็น Payment Gateway เพื่อที่จะให้บริการการเงินเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเจาะกลุ่มได้ตรงเป้าและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในอนาคต และเป็นกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่พร้อมจะให้ความเชื่อถือในการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินกับบริษัทเทคโนโลยีอย่างแอมะซอนมากกว่ากลุ่มลูกค้ารุ่นเก่าที่เชื่อถือสถาบันการเงินมากกว่า
ในอีกเพียง 5 ปีข้างหน้า แอมะซอนคาดว่าจะมีลูกค้าที่ใช้บริการทางการเงินในสหรัฐฯมากกว่า 70 ล้านคน ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าความกลัวของหลายฝ่ายที่กังวลว่า FinTech Startup จะเข้ามา Disrupt การให้บริการทางการเงินนั้นไม่จริงเสมอไ�� เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์สที่กำลังมาแรงในปัจจุบันก็น่ากลัวไม่แพ้กัน