งานสัมมนา Symposium on Thailand 4.0 towards Connected Industries ถือเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นที่ดำเนินมาอย่างแน่นแฟ้นกว่า 130 ปี และเป็นการรวมตัวกันเพื่อหารือแนวทางยกระดับเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศร่วมกัน โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต่อนักลงทุนญี่ปุ่นและไทยกว่า 1,200 คนที่เข้าร่วมงานว่า ญี่ปุ่นมีบทบาทในการช่วยเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งไทยมีทิศทางชัดเจนที่ต้องการเดินไปพร้อมพันธมิตรและประเทศข้างเคียง แต่หากแยกกันเดิน อาเซียน และ CLMVT จะไม่มีความหมาย
ด้าน นายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม หรือ เมติ กล่าวว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมมีการปฎิวัติใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยในการสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้น และญี่ปุ่นมีแนวทางสร้างความเชื่อมโยงกับไทยให้เป็นประเทศ 4.0 ได้ คือ สนับสนุนการสร้างบุคลากรรองรับ เช่น ในรูปแบบเอสเอ็มอี หรือในรูปแบบความร่วมมือแลกเปลี่ยนนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญระหว่างกัน
ขณะที่นายฮิโรยูกิ อิชิเกะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น หรือ เจโทร ระบุว่า ญี่ปุ่นจะตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของรัฐบาลไทย โดยขณะนี้ยังเป็นช่วงของการตัดสินใจในการเลือกพื้นที่ลงทุน และมองว่านโยบายอีอีซี จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย
แม้ช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ภายในประเทศไทยมีความคลุมเคลือ ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ประกอบกับบางส่วนประสบปัญหาด้านขาดบุคลากรโดยเฉพาะกลุ่มวิศวกร ดังนั้นจึงเสนอให้ประเทศไทยนำเข้าบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาถ่ายทอดความรู้ให้กับบุคลากรไทย และควรตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในพื้นที่อีอีซี
ในงานนี้ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายใน 5 เรื่อง และมีการจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจญี่ปุ่นและไทยในกลุ่ม 5 อุตสาหกรรม คือ ยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เกษตร อาหาร และสุขภาพ ธุรกิจบริการ และ หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน
ซึ่งในวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยก็ได้นำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นพร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่จริงของ อีอีซี ณ สนามบินอู่ตะเภา และนิคมอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันให้ญี่ปุ่นมั่นใจในการลงทุนกับ EEC อย่างเป็นรูปธรรม