อินโดนีเซียตั้งเป้าว่าจะต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดินทางเข้าประเทศให้ได้ ปีละ 10 ล้านคน ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยหวังจะแข่งขันกับไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักของชาวจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ หรือ UNWTO ระบุว่า ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศมากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา โดยปีที่แล้วนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมกว่า 135 ล้านคน และใช้จ่ายเงินในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวรวมกว่า 2 แสน 6 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่บริษัทวิจัยทางธุรกิจ 'Boston Consulting Group' ประเมินว่าในปี 2030 นักท่องเที่ยวชาวจีนจะใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวและเดินทางในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังไทยมากกว่า 8 ล้านคน ส่วนประเทศที่ชาวจีนเดินทางไปเที่ยวมากเป็นอันดับ 2 และ 3 ได้แก่ เวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศรวมกว่า 2.7 ล้านคน และ 2.2 ล้านคนตามลำดับ แต่รัฐบาลอินโดนีเซียเพิ่งประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อแข่งขันกับทั้ง 3 ประเทศในภูมิภาค
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ สื่อของฮ่องกง รายงานอ้างอิงแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียที่ต้องการแข่งขันกับไทย เวียดนาม และมาเลเซีย โดยระบุว่า อินโดนีเซียยังต้องพัฒนาอีกหลายด้านจึงจะบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ โดยเฉพาะเส้นทางบินเชื่อมต่อระหว่างเมืองใหญ่ในจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ
สื่อฮ่องกงได้ยกตัวอย่างนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งต้องการเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตา แต่ไม่มีเส้นทางบินตรง ทำให้พวกเขาต้องเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียแทน แล้วจึงค่อยเดินทางต่อไปยังกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย และต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 15 ชั่วโมง ซึ่งรวมเวลาที่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน ซึ่งประเด็นนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยไปอินโดนีเซีย ไม่อยากเดินทางไปซ้ำ ยกเว้นแต่ว่าการเดินทางจะสะดวกรวดเร็วขึ้น
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศขอความร่วมมือสายการบินเอกชนที่จะเพิ่มเส้นทางบินระหว่างจีนและอินโดนีเซีย โดยรัฐจะให้งบอุดหนุนค่าใช้จ่ายที่สายการบินต้องรับภาระ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเส้นทางบินเพิ่มหรือการร่วมมือบริหารจัดการเครื่องบินเช่าเหมาลำเพื่อไปยังเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการบินของจีนเมืองอื่น เช่น ซีอาน คุนหมิง และกุ้ยหลิน
นอกเหนือจากเรื่องเส้นทางการบินแล้ว อินโดนีเซียต้องพัฒนาป้ายบอกเส้นทางหรือขั้นตอนการเดินทางในแหล่งท่องเที่ยวให้มีภาษาจีนประกอบด้วย และจะต้องพัฒนาบุคลากรให้สามารถสื่อสารหรือรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังอินโดนีเซียต่อไปในอนาคต ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียอาจพิจารณาแล้วว่าคุ้มค่าการลงทุน เพราะในช่วงที่ผ่านมา มีความร่วมมือด้านการลงทุนและการวางโครงสร้างพื้นฐานระหว่างอินโดนีเซียและจีน โดยเฉพาะการเป็นส่วนหนึ่งในโครงการวันเบลท์วันโรด หรือเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมใหม่ของจีนที่ต้องการเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก