ช่วงนี้เราไปชมรายงานพิเศษจากสำนักข่าวเอพี ซึ่งเราจะไปกันที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐฯ ที่นี่มีบริษัทแห่งหนึ่งดัดแปลงโกดังเก่าให้เป็นฟาร์มในร่มขนาดใหญ่ และใช้วิธีการเพาะปลูกพืชในแนวตั้ง ซึ่งนอกจากจะได้ผลผลิตปริมาณมากแล้ว การปลูกพืชแบบนี้ยังใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกแบบปกติถึง 95 เปอร์เซนต์
โรงงานเก่าในเมืองนูอาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ในสหรัฐฯ ถูกดัดแปลงให้เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ซึ่งพืชที่ปลูกที่ฟาร์มแห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์แต่อย่างใด เพราะภายในโกดังมีการติดตั้งหลอดไฟ และระบบรดน้ำที่ทันสมัย และที่สำคัญที่สุด การปลูกพืชที่นี่เป็นการปลูกแบบแนวตั้ง หรือ vertical farming เพื่อการประหยัดพื้นที่ และยังช่วยให้ได้ผลผลิตในปริมาณมากเพราะพื้นที่ปลูกนั้นสูงถึง 7 ชั้น
นอกจากจุดเด่นในเรื่องของการปลูกพืชในแนวตั้งแล้ว AeroFarms ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลฟาร์มแห่งนี้ยังยืนยันด้วยว่า กระบวนการเพาะปลูกทั้งหมด ปราศจากสารพิษ ไม่มียาฆ่าแมลงตกค้าง และยังใช้น้ำน้อยกว่าการเพาะปลูกแบบปกติถึง 95 เปอร์เซนต์ เราไปฟังเสียงสัมภาษณ์ของ CEO บริษัท AeroFarms กันค่ะ
ปัจจุบัน AeroFarms เป็นเจ้าของฟาร์มแนวตั้งในลักษณะนี้ถึง 8 แห่ง และมีแผนจะเปิดใหม่เพิ่มเติมในเดือนหน้า ซึ่งฟาร์มดังกล่าวจะเป็นฟาร์มแนวตั้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชั้นปลูกพืชจะสูงถึง 12 ชั้น คิดเป็นพื้นที่ปลูกมากกว่า 8 ไร่ ผลผลิตที่จะได้ต่อปีนั้นมีมากกว่า 2 ล้านปอนด์ ซึ่งการปลูกพืชแนวตั้งนี้ กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในเมืองใหญ่ เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ และในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชากรกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับปริมาณอาหารที่ผลิตได้น้อยลง การทำการเกษตรที่ได้ผลผลิตคราวละมากๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้