เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 เศวต ทินกูล อายุ 63 ปี อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณี ปมการครอบครองป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของ สหายแสง ศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และยังเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนหลังถูกร้องเรียนให้สอบสวนเข้าข่ายผิดกฎหมาย จริยธรรม ของคณะกรรมการจริยธรรมสถาผู้แทนราษฎร ตนยอมรับว่าทนไม่ได้ ที่เห็นความไม่เป็นธรรมในสังคม จึงต้องการออกมาเปิดเผยผ่านสื่อให้สังคม รวมถึงชาวนครพนม รับรู้ที่ไปที่มาข้อเท็จจริง เนื่องจากตนเป็นต้นเรื่องที่นำหลักฐานไปยื่นร้องเรียนให้สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้มีการตรวจสอบเอาผิด เมื่อปี 2552 ในช่วงที่ สหายแสง มีตำแหน่ง ทางการเมือง เป็น ส.ส. และเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ไม่มีการพิจารณาตัดสินความผิด เพราะมีการแช่แข็ง ด้วยอำนาจมืด จนกระทั่งล่าสุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส วีระบุรุษนาแก หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยในฐานะประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ตนจึงให้ข้อมูล เพื่อนำเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา ให้ความชัดเจนกับสังคม สืบเนื่องจากป่าดงพะทาย เดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า แต่เป็นที่ของรัฐ ที่มีการจัดสรรให้คนยากจน ชาวบ้านยากไร้ทำกิน ไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดในข้อกฎหมาย แค่ถามว่า สหายแสง ควรที่จะเข้าไปครอบครองหรือไม่ การซื้อขายใบจับจอง ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
เศวต กล่าวอีกว่า มาถึงวันนี้ตนต้องการความชัดเจน พร้อมอยากให้รับรู้ข้อมูลเพิ่มเติม ที่เป็นข้อเท็จจริงตรวจสอบได้ ว่า สหายแสง มีการครอบครองที่ดินป่าดงพะทาย มากกว่า 39 แปลง รวม 200 ไร่ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานที่ดินแทงจำหน่วย แต่ยังมีการครอบครอง พื้นที่ป่าดงพะทาย มากกว่า 900 แปลง รวมพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ โดยมีทายาทเกี่ยวข้องด้วย ยืนยันมีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่สามารถนำออกมาเปิดเผยได้ ต้องให้น่วยงานเกี่ยวข้องมีการตรวจสอบ ที่สำคัญอยากถามสหายแสง ว่า ที่ดินป่าดงพะทาย เป็นที่จัดสรรให้เกษตรกร ควรที่จะเข้าไปครอบครองทำกินหรือไม่ ตนถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทบทวนอย่าปกป้องคนผิด อายชาวบ้านเขา อายแทนคนนครพนม คนที่ยากจนไม่มีที่ทำกิน ยังรอความหวังอีกมากมาย
เศวต ระบุว่า ตนพร้อมที่จะเดินหน้าพิสูจน์ความจริง ผิดคือผิด เคยถูกสหายแสงฟ้องดำเนินคดีมาแล้วกล่าวหาว่าหมิ่นประมาท ใส่ร้าย สุดท้ายความจริงคือความจริง ศาลจังหวัดนครพนมยกฟ้อง ตนยืนยันไม่กลัวอำนาจมืด ต้องการให้เป็นกรณีตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใคร มีอำนาจแค่ไหนจะต้องไม่อยู่เหนือกฎหมาย คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทน ต้องชัดเจน รวมถึง ปปช.ต้องทำงานตรงไปตรงมา
เศวต กล่าวอีกว่า หากคดีนี้ ศุภชัยรอดความผิด ตนประกาศตัวว่าจะขอย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เพราะถือว่า ประเทศไทยหาความเป็นธรรมไม่มี ส่วนที่ศุภชัย อ้างว่า เมื่อมีการจำหน่ายกลับคืนสภาพที่ดินเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ต้องตีความให้ยาก หมายถึงกลายเป็นที่ดินรัฐ จะเข้าไปครอบครองไม่ได้ รอการจัดสรร และการซื้อใบจับจองจากชาวบ้าน ถือว่าผิด หากไม่ผิดต่อไปตนจะพานายทุนมากว้านซื้อใบจับจองกับชาวบ้าน เช่นกัน ฝากให้ ศุภชัย กลับไปอ่านทบทวนประมวลกฎหมายที่ดิน อีกรอบ เพื่อจะได้เข้าใจมากกว่านี้