กัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เบอร์ 3 และ ฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ร่วมแสดงจุดยืนนโยบายสันติภาพ ที่อนุสาวรีย์นกสันติภาพ จังหวัดนราธิวาส ที่สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพรรคเป็นธรรม เห็นว่า เจตนารมณ์ของสันติภาพต้องไม่ใช่แค่กระดาษหรืออนุสาวรีย์ แต่ต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้เป็นสันติภาพที่กินได้ เป็นสันติภาพแบบยั่งยืน
"รัฐบาลไทยที่ผ่านมาไม่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ เพราะผิดฝาผิดตัว พรรคเป็นธรรมจึงต้องยกระดับการสร้างสันติภาพให้เป็นวาระแห่งชาติ ต้องสร้าง Immunity คุ้มครองคู่เจรจา และมีพื้นที่เสรีภาพในการแสดงออก จึงต้องยกเลิกกฏหมายที่กดทับประชาชน ปฏิรูประบบราชการ เช่น ยุบ กอ.รมน. ยุบ ศอ.บต. และกระจายอำนาจตามหลักการ จังหวัดจัดการตนเอง ให้ประชาชนเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรง หากแก้เชิงโครงสร้างได้แล้ว สัญลักษณ์ที่เป็นอนุสาวรีย์แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีหากเข้าใจการสร้างสันติภาพ นกตัวนี้ไม่จำเป็นต้องมีถ้ากระบวนการสันติภาพถูกต้อง"
กัณวีร์ เปิดเผยว่า ทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนเลือกพรรคเป็นธรรมจะไม่สูญเปล่า พรรคเสนอตัวเป็นตัวแทนชาวปาตานี เปลี่ยนโครงสร้างรัฐราชการ อาสาเข้าไปสภาฯ ดึงอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง
กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น พาทหารกลับบ้าน สามารถทำได้ เพราะตนเองเคยเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออก พรก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 2548 ซึ่งเวลานั้นมีเพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบที่จะใช้เวลาไม่เกิน 9 เดือน ไม่คิดว่าจะยาวนานกว่า 18 ปี หลังไปทำงานสร้างสันติภาพมาทั่วโลก จึงขอเป็นผู้ยกเลิกกฏหมายพิเศษนี้เอง เพราะรู้วิธีที่จะพาทหารกลับบ้านได้จริง
"ผมรู้ว่าทหารถูกพามาที่นี่ยังไงจึงรู้วิธีพากลับบ้าน เราจะสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนได้แน่นอน เราทำได้ เพราะเราทำเป็น เรายืนยันว่าจะเป็นพรรคที่ยิ่งใหญ่ในปาตานี เราจะไม่ยอมถอย แม้แต่ก้าวเดียว เราจะสร้างให้ได้ว่าเป็นพรรคของชาวปาตานี ไม่กลัวพรรคการเมืองใหญ่ เพราะ4 ปีที่ผ่านมา เห็นว่าคนที่อยู่ในสภาฯ มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่ไม่เคยเห็นว่า จะทำให้สันติภาพเป็นวาระแห่งชาติ แม้แต่พรรคเดียว เราจึงยืนยันจะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมให้ประชาชน"
ฮากิม กล่าวย้ำว่า ขอให้ประชาชนเลือกพรรคเป็นธรรม เพราะนี่เป็นการต่อสู้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่ส่งตัวแทนไปในสภาฯ แต่แสดงออกถึงความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ถ้าประชาชนเลือกพรรคเป็นธรรม จะเปลี่ยนแปลงการเมืองในปาตานีตลอดกาล
กัณวีร์ และ ฮากิม ยังได้ลงพื้นที่ด่านพรมแดนตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นชายแดนไทย-มาเลเซีย แต่ยังขาดการพัฒนาด้านการค้า ซึ่งพรรคเป็นธรรมมีนโยบาย จังหวัดจัดการตนเอง ที่จะพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจชายแดนทั่วประเทศ โดยที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นระเบียงเศรษฐกิจนูซันตารา ที่จะเน้นทั้งการค้า การศึกษา ภาษามลายู ให้เป็นฮับมุสลิมโลก จะกระจายรายได้ โดยใช้สารตั้งต้นคือเม็ดเงินและรายได้จากการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนรอบประเทศกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ระเบียงเศรษฐกิจนูซันตารา ถ้าเราทำได้ ก็พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจให้เกิดการพัฒนาได้
นอกจากนี้พรรคเป็นธรรม ยังได้ไปทำกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ตากใบ ที่หน้า สภ.ตากใบ ซึ่ง ฮากิม กล่าวว่า เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ใช่แค่การรำลึก แต่ไม่ควรเกิดขึ้น พรรคเป็นธรรม จึงขอประกาศเจตนารมณ์ สร้างความเป็นธรรมให้ชาวตากใบ และชาวปาตานี โดยเฉพาะการนำคนผิดมาลงโทษ แม้เวลาจะผ่านมากว่า 18 ปี และคดีกำลังจะหมดอายุความ 20 ปี
กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เหตุการณ์ตากใบ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก หากรัฐไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต พรรคเป็นธรรมจึงเสนอนโยบาย Smart Power จะต้องใช้ Hard Power ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือไม่ใช้เลยยิ่งเป็นการดี และควรใช้ Soft Power ให้มากขึ้น และต้องผลักดัน พรบ.อุ้มหาย ให้สำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องอายุความ 50 ปี จะต้องผลักดันให้ได้ และคดีตากใบไม่สมควรหมดอายุความ 20 ปี การซ้อมทรมาน ต้องได้รับโทษ ไม่ใช่แค่ผู้กระทำ แต่ผู้บังคับบัญชาต้องได้รับโทษด้วย รวมถึงการปฏิวัติรัฐประหาร จำเป็นต้องได้รับโทษ ต้องไม่ละเว้น ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย