ไม่พบผลการค้นหา
“เห็นแก่พระเจ้าเถอะ ชายคนนี้จะอยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้” โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวประณาม วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียอีกครั้ง ในการแถลงหน้าทำเนียบประธานาธิบดีโปแลนด์ อย่างไรก็ดี พันธมิตรหลักอย่างฝรั่งเศสกลับสหราชอาณาจักรกลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากนัก เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจจะยกระดับสถานการณ์สงครามยูเครนมากยิ่งขึ้น

คำพูดดังกล่าวของไบเดนส่งผลให้ทำเนียบขาวออกแถลงแก้ไขคำพูดของประธานาธิบสหรัฐฯ ว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มุ่งหมายที่จะเปลี่ยนระบอบการเมืองของรัสเซีย โดยทำเนียบระบุอีกว่า คำพูดดังกล่าวของไบเดนหมายความถึงการที่ปูตินจะต้องสละอำนาจทั้งหมดของตนเองเหนือดินแดนของยูเครน และภูมิภาคอื่นๆ ในขณะที่ทางการรัสเซียได้ออกมาวิจารณ์คำพูดของไบเดนพร้อมระบุว่า ปูตินได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมาจากประชาชนชาวรัสเซียตามครรลอง

ในทางตรงกันข้ามกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ออกมากล่าวเตือนให้ระวังการใช้คำพูดภาษาที่รุนแรงในสถานการณ์ที่ผันผวน ในขณะที่ทางการรัสเซียออกมากล่าวว่า คำพูดของไบเดนเป็นการ “ผรุสวาทในทางส่วนตัว” และอาจทำให้ความสัมพันธ์ของรัสเซียกับสหรัฐฯ ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม

มาครงได้ให้สัมภาษณ์กับ France 3 ว่า ตนจะไม่ใช้คำพูดอย่างที่ไบเดนใช้ และเป้าหมายของตนในฐานะประธานาธิบดีฝรั่งเศสคือ “บรรลุการหยุดยิงก่อน แล้วจึงถอนกองกำลัง (รัสเซีย) ทั้งหมดด้วยวิธีทางการทูต” ก่อนที่มาครงจะย้ำว่า “ถ้าเราอยากจะทำเช่นนั้น เราไม่สามารถยกระดับได้ทั้งคำพูดหรือการกระทำ”

ในขณะที่ นาดิม ซาฮาวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักรได้ออกมาระบุว่า การเลือกประธานาธิบดีรัสเซียขึ้นอยู่กับความต้องการของชาวรัสเซียเอง “ผมคิดว่าชาวรัสเซียคงเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน การรุกรานที่ขัดต่อกฎหมาย การทำลายวิถีชีวิตของพวกเขาเอง เศรษฐกิจของพวกเขากำลังพังทลาย และผมคิดว่าคนรัสเซียจะตัดสินชะตากรรมของปูตินและพรรคพวกของเขาเอง” ซาฮาวีระบุ

อย่างไรก็ดี ซาฮาวีเลี่ยงการวิจารณ์คำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยตรง ก่อนที่จะกล่าวว่า “มันเป็นการรุกรานยูเครนที่ผิดกฎหมาย และมันจะต้องหยุดลง และผมคิดว่านั้นคือสิ่งที่ท่านประธานาธิบดีกำลังคิดอยู่” ทั้งนี้ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และ ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ประเทศของตนเตรียมยกระดับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมอีก หลังจากรัสเซียยังคงเดินหน้ารุกรานยูเครน

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในทำเนียบขาวพร้อมระบุว่า ตนคิดว่าประธานาธิบดีรัสเซียเป็นอาชญากรสงคราม ก่อนที่ทำเนียบขาวจะออกมาแก้ไขคำพูดของไบเดนว่าไม่เกี่ยวข้องกันกับกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ทั้งนี้ คำพูดของไบเดนอาจผูกพันให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องหาข้อแก้ตัวใหม่หากมีการเข้าพบกันกับประธานาธิบดีรัสเซียที่ตนกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรสงครามไปแล้ว

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประทเศสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวย้ำว่า “ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดีกับทำเนียบขาวได้กล่าวชัดเจนเมื่อคืนนี้ที่ฟังเข้าใจได้ง่ายว่า ประธานาธิบดีปูตินจะไม่สามารถมีอำนาจทำสงครามหรือรุกรานยูเครนหรือใครก็ได้ อย่างที่คุณได้ยินเราพูดซ้ำๆ ว่า เราไม่มียุทธศาสตร์ในการเปลี่ยนระบอบการเมืองรัสเซีย หรือแม้แต่ในประเทศใดก็ตามเช่นกัน”

นอกจากนี้ จูเลียนเน สมิธ ผู้แทนถาวรชองสหรัฐฯ ประจำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ออกมากล่าวถึงคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ CNN ว่า คำพูดของไบเดนวางอยู่บน “หลักการพื้นฐานของการแสดงความรู้สึกในฐานะมนุษย์กับเรื่องราวที่เขาได้ยินในวันนั้น” ก่อนที่เธอจะย้ำว่าสหรัฐฯ “ไม่มีนโยบายในการเปลี่ยนระบอบการเมืองของรัสเซีย”

ที่มา:

https://www.theguardian.com/us-news/2022/mar/27/us-denies-it-is-seeking-regime-change-in-russia-after-biden-comments-putin?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR33ymU_p0selHK33rfWhoVXph0Yv0leSSneOvPd0OkXc8Hd1VL5wLzOJ2Q

https://www.theguardian.com/politics/2022/mar/27/nadhim-zahawi-biden-russia-putin?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR2Bm9XKNXFaIYW5HpE0Eu8cwhkDGwP0I-K7xY5pY185Pi8v-SSdMslWymQ