นายเหริน จิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ยและอดีตประธานบริหารหัวเว่ยกล่าวในการสัมภาษณ์พิเศษกับทางบีบีซีว่า "ไม่มีหนทางที่สหรัฐฯ จะสามารถทำลายหัวเว่ยได้" นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า "โลกไม่สามารถทิ้งหัวเว่ยได้เพราะเราก้าวหน้า แม้ว่าสหรัฐฯ จะกดดันประเทศต่างๆ ไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย แต่หัวเว่ยก็สามารถลดขนาดของผลิตภัณฑ์ลงได้"
อย่างไรก็ตาม นายเหรินยอมรับว่า การสูญเสียลูกค้าในหลายประเทศนั้นอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยยสำคัญต่อหัวเว่ย
ขณะที่ การจับกุมนางเมิ่ง หว่านโจว ผู้เป็นบุตรสาวและประธานด้านการเงินของหัวเว่ยที่ถูกจับกุมโดยทางการแคนาดาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 นั้น นายเหรินกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีเหตุจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง และสหรัฐฯ ก็มักคว่ำบาตรผู้อื่นด้วยวิธีนี้เช่นเดียว ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทางหัวเว่ยรับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว หัวเว่ยจะให้ศาลเป็นผู้จัดการ
นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องข้อสงสัยที่หัวเว่ยอาจจะเป็นสายลับให้กับทางรัฐบาลจีน นายเหรินกล่าวว่า การอนุญาตสอดแนมเป็นความเสี่ยงที่เขาจะไม่ทำ และรัฐบาลจีนก็ได้กล่าวชัดเจนแล้วว่า ทางจีนจะไม่ติดตั้ง backdoor และทางหัวเว่ยก็จะไม่ติดตั้งเช่นกัน ซึ่งทางหัวเว่ยจะไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียลูกค้าหลายประเทศทั่วโลกจากการกระทำดังกล่าว
นายเหรินยังยืนยันว่า "หากทางหัวเว่ยกระทำการใดๆ ที่จะเข้าข่ายการสอดแนม เขาจะปิดบริษัทลงทันที"
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประเกาศเตือนประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย พร้อมกล่าวว่า หากมีการใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยก็ยากจะที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ในระยะยาว
ที่ผ่านมาออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ ต่างไม่อนุญาตให้หัวเว่ยติดตั้งและพัฒนาเทคโนโลยี 5 จี ในประเทศ เนื่องจากประเด็นเรื่องความปลอดภัยและการสอดแนมตามคำกล่าวอ้างของทางการสหรัฐฯ ขณะที่แคนาดากำลังทบทวนผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงได้
สำหรับประเทศไทย ผู้ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทางสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เปิดตัวการทดสอบผลิตภัณฑ์ 5จี ของหัวเว่ยไปเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในเขตระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง