เมื่อวันอังคาร (5 ก.พ. 2562) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงว่า สหภาพยุโรปเป็นกำลังสำคัญในการโน้มน้าวให้ประเทศพันธมิตรอื่นๆ ปฏิเสธการซื้อสินค้าและอุปกรณ์จากหัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคม และเทคโนโลยีชั้นนำสัญญาติจีน สำหรับการนำมาในโครงข่ายโทรศัพท์รุ่นใหม่
หลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปและรัฐบาลเบลเยียม ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุกับสำนักข่าวรอยเตอร์และซีเอ็นเอ็นว่า รัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อมในการส่งข้อความไปยังรัฐบาลอื่นๆ ในยุโรปเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการใช้อุปกรณ์จากบริษัทด้านโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปฏิเสธที่จะเอ่ยนามของบริษัทที่พาดพิง
“เรากำลังบอกว่าคุณต้องระวังมากๆ และเราแนะนำไม่ให้ประเทศพันธมิตรรีบตัดสินใจเซ็นสัญญากับผู้ผลิตสินค้าที่ไม่น่าเชื่อถือจากประเทศอย่างจีน” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุ
สหรัฐฯ กังวลว่ารัฐบาลจีนจะใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้ในการสอดแนมข้อมูลในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปกรณ์จากบริษัทหัวเว่ย เนื่องจากยุโรปเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย ความพยายามในการเรียกร้องให้ประเทศในยุโรปคว่ำบาตรการซื้อสินค้าจากจีนของสหรัฐฯ จึงเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในสงครามการค้าของสหรัฐฯ-จีน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าต้นตอที่สหรัฐฯ เกิดความกังวลเรื่องการสอดแนม เป็นผลจากสถานะของรัฐบาลจีนที่เป็นระบบ 'พรรคเดียว' อีกทั้งยังชี้ถึงจุดบกพร่องในระบบสัญญาณเก่าที่สร้างโดยบริษัทหัวเว่ยในประเทศอังกฤษ แม้ว่าจะมีการควบคุมดูแลจากหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษแล้วก็ตาม
“หัวเว่ยและแซททีอี...ถูกควบคุมด้วยรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งพวกเขาไม่สามารถต่อต้านคำสั่งจากรัฐบาลจีนได้” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว
ความวิตกกังวลกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นในประเทศเยอรมนี ในขณะที่ฝรั่งเศสยังคงวางตัวนิ่งอยู่ โดยรัฐสภากำลังมีการดำเนินการเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลในการตรวจสอบอุปกรณ์ 5จี เพิ่มขึ้น