ทวิตเตอร์ได้เผยแพร่ความคืบหน้าของมาตรการในการจัดการผู้นำโลกที่ทวีตสิ่งที่ขัดต่อกฎของทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ระบุ โดยทั่วไปแล้ว ทวิตเตอร์จะลบทวีตที่ละเมิดกฎระเบียบอยู่แล้ว ทว่าก็มีการปล่อยให้บางทวีตยังคงอยู่เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หากทวีตนั้นเป็นการสร้างความเข้าใจหรือทำให้เกิดการถกเถียงในประเด็นที่สาธารณชนกังวลอยู่
ก่อนหน้านี้ ทวีตจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลคือกลุ่มที่เข้าเงื่อนไขนี้ เนื่องจากสาธารณชนจะได้ประโยชน์จากการรู้ถึงข้อมูลและถกเถียงเรื่องการกระทำและการแสดงจุดยืนของพวกเขา และทวิตเตอร์ตระหนักดีว่าบรรดาผู้นำโลกได้ใช้ทวิตเตอร์ในการสื่อสารกับฐานเสียงโดยตรง และในบางครั้งก็ใช้ประกาศนโยบายด้วย
นั่นทำให้ทวีตของผู้นำประเทศอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงอยู่บนทวิตเตอร์แม้จะทำผิดกฎในบางครั้ง
ทางทวิตเตอร์ได้ประกาศมาตรการตั้งแต่เดือนมิถุนายนว่า ในบางกรณีจะมีการซ่อนทวีตของบุคคลเหล่านี้ ไว้หลังป้ายข้อความเตือน (notice) ว่าทวีตนี้ละเมิดกฎของทวิตเตอร์ แต่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ยังคงสามารถกดข้ามคำเตือนเพื่อดูเนื้อหาข้างหลังได้อยู่
ทั้งนี้ ทวีตที่ติดคำเตือนจะไม่สามารถถูกรีทวีต แชร์ ตอบทวีต หรือไลก์ได้ อีกทั้งอัลกอริทึมของทวิตเตอร์จะไม่แนะนำทวีตดังกล่าว เพื่อเป็นการจำกัดการเขาถึงทวีตนั้น โดยที่สาธารณชนยังสามารถเลือกจะเข้าถึงเพื่อดูและถกเถียงเนื้อหาในทวีตนั้นได้อยู่
"เรายังไม่ได้ใช้ป้ายเตือนนี้ แต่เมื่อเราใช้ คุณจะไม่สามารถไลก์ ตอบ แชร์ หรือรีทวีตที่ต้องสงสัยว่าผิดกฎได้ แต่คุณยังสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้ด้วยการรีทวีตพร้อมความคิดเห็น (Retweet with Comment)" ทวิตเตอร์ประกาศเพิ่มผ่านบัญชีทวิตเตอร์เซฟตี (Twitter Safety)
ทางทวิตเตอร์ เสริมว่าทวิตเตอร์มีเป้าหมายในการใช้กฎอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม จึงต้องการแสดงให้เห็นว่าในการตัดสินใจบังคับใช้กฎต่างๆ นั้นมีเหตุผลอะไรอยู่ เพื่อส่งเสริมบทสนทนาสาธารณะ และคุ้มครองสิทธิของสาธารณชนที่จะรับฟังผู้นำของพวกเขา โดยที่ผู้นำเหล่านี้ยังคงอยู่ภายใต้กฎเดียวกับทุกๆ คน
ทวีตทั่วไปที่ผิดกฎของทวิตเตอร์จะยังคงถูกลบตามปกติ แต่การติดป้ายเตือนนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อยกเว้นแล้วสำหรับทวีตที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนในกรณีดังที่กล่าวข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 ตุลาคม ทางทวิตเตอร์ชี้ว่า แม้จะเป็นนักการเมืองหรือผู้นำองค์ของรัฐบาล ทวิตเตอร์มีแนวโน้มที่จะลบทวีตที่มีเนื้อหาดังต่อไปนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น
ที่มา: Twitter / Twitter Blog / Guardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: