แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเลี้ยงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่บรินยอมรับคำขอโทษของมัสก์ แต่เจ้าพ่อเทคโนโลยีทั้งสองไม่ได้กลับมาพูดคุยกันอีก โดยต้นเหตุของเรื่องนี้เกิดจากข่าวที่ว่า มัสก์แอบไปมีความสัมพันธ์กับ นิโคล ชานาฮาน ภรรยาของบริน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่งานนิทรรศการศิลปะที่บาเซิลในเดือน ธ.ค. 2564
แหล่งข่าวบอกว่า ในตอนนั้นบรินและชานาฮานอยู่ห่างกัน แต่ยังคงอาศัยอยู่ร่วมกัน และทั้งสองยังต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดูแลลูกสาววัยทารก เนื่องจากโรคระบาดโควิด-19
บรินได้ยื่นเอกสารขอหย่าในเดือน ม.ค. โดยให้เหตุผลว่า “เข้ากันไม่ได้” โดยหลายเดือนหลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของบรินและมัสก์เริ่มเต็มไปด้วยความตึงเครียด อีกทั้งบรินยังสั่งให้ที่ปรึกษาด้านการเงินของเขา ขายหุ้นของเขาในบริษัทของมัสก์หลายรายการ เช่น เทสลา ที่เขาได้ลงทุนไปทั้งหมด 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 18 ล้านบาท) ในปี 2551
ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ชานาฮานได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ฉันหวังว่า เซอร์เกย์และฉันจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีศักดิ์ศรี ซื่อสัตย์ และกลมเกลียวกันเพื่อลูกสาวของเรา และเราทั้งคู่ก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่”
อย่างไรก็ดี มัสก์ได้ทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัว เพื่อปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่า “นี่มันเป็นเรื่องตอแหลทั้งเพ เซอร์เกและผมเป็นเพื่อนกัน และยังอยู่ในปาร์ตี้ด้วยกันเมื่อคืนก่อน ผมเจอกับนิโคลแค่สองครั้ง ในระยะเวลา 3 ปี ทั้งสองครั้งมีคนอยู่รอบๆ เต็มไปหมด ไม่มีเรื่องชู้สาวเลย”
ความสัมพันธ์ลับดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมัสก์เลิกกับไกรมส์ อดีตแฟนสาวนักร้องดัง โดยทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน รวมถึงลูกสาวที่เกิดจากการอุ้มบุญในเดือนเดียวกันกับที่เกิดความสัมพันธ์ลับนี้ และในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว มัสก์ก็มีลูกแฝดกับผู้บริหารสูงสุดของเขาอย่าง ชีวอน ซิลลิส อย่างลับๆ
ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาเดียวกันกับที่ มัสก์ กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างในอาชีพของเขา รวมถึงการต่อสู้ทางกฎหมายกับทวิตเตอร์ หลังจากที่เขาถอนตัวจากข้อตกลงมูลค่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) เพื่อซื้อทวิตเตอร์
ที่มา: