สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ในวันนี้ (17 มี.ค.) ว่าจะขับไล่ทูตอังกฤษ 23 คน กลับประเทศ หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษกล่าวหารัสเซียอยู่เบื้องหลังการลอบวางยาพิษอดีตสายลับรัสเซียวัย 66 ปีและลูกสาว ซึ่งลี้ภัยอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อเดือนที่ผ่านมา
"เจ้าหน้าที่นักการทูตทั้ง 23 คน ของสถานทูตอังกฤษเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ และจะต้องออกจากรัสเซียภายในสัปดาห์นี้" แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุ
สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัสเซียเชิญทูตอังกฤษประจำมอสโคว์เข้าพบ ขณะที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียออกมาเตือนอังกฤษว่า "ถ้าอังกฤษแสดงการกระทำที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียก่อน รัสเซียก็จะตอบโต้การกระทำนั้นด้วยมาตรฐานเดียวกัน"
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศว่า อังกฤษจะพิจารณาลดสัมพันธ์ทางการทูต และมีคำสั่งขับเจ้าหน้าที่ทางการทูตของรัสเซีย 23 คนออกจากประเทศภายใน 1 สัปดาห์ และหลังคำประกาศ ก็มีผลอย่างเป็นทางการทันที
ด้านนายดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Interfax ว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับเหตุการณ์ลอบวางยา นายเซอร์เก สกริปัลและบุตรสาว เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา และการที่นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษได้ออกมากล่าวหาว่านายปูตินคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารดังกล่าวถือเป็นพฤติกรรมที่น่าตกใจและให้อภัยไม่ได้อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการมองจากมุมใดก็ตาม
อีกทั้ง เมื่อวานนี้ (16 มี.ค. ) ตามท้องถิ่น นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขาได้คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเกี่ยวกับคดีอุกอาจในครั้งนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่สูงมากที่นายปูตินคือผู้บงการ และสั่งการให้ลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียและบุตรสาวด้วยสารพิษที่มีผลต่อระบบประสาทของมนุษย์ร้ายแรงกลางถนนสาธารณะในอังกฤษ ซึ่งเป็นการสังหารครั้งแรกด้วยวิธีแบบนี้ นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ดี โฆษกทำเนียบรัฐบาลรัสเซีย ยืนยันว่าท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดเช่นนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่รัฐบาลของรัสเซียจะรับมือกับสถานการณ์ในระดับทางการขั้นสูงสุด ด้วยการใช้คำพูดรุนแรงและหนักแน่นในการกล่าวหาประเทศใดประเทศหนึ่งด้วยคำว่า 'เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า' หรือ 'มีความเป็นไปได้อย่างสูง' ในการกล่าวหาว่ารัฐบาลรัสเซียหรือแม้แต่ตัวของประธานาธิบดีเองคือผู้สั่งการลอบสังหารในขั้นตอน ที่ยังไม่สามารถจัดหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมายืนยันได้เช่นนี้ ทำให้คณะรัฐบาลของรัสเซียยังคงสับสนอย่างมากในวิธีการจัดการรับมือกับรูปคดีสำคัญนี้ของรัฐบาลอังกฤษ
ทูตสหรัฐประจำยูเอ็นเรียกร้องนานาชาติเอาผิดรัสเซีย
ด้านนางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติได้แถลงสนับสนุนให้อังกฤษและนานาชาติออกมาตรการเอาผิดรัสเซียให้ถึงที่สุดทันทีหลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศว่ากำลังพิจารณาลดสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย และมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตของรัสเซีย 23 คนต้องออกจากประเทศภายใน 1 สัปดาห์
อีกทั้งรัฐบาลของเยอรมนีและฝรั่งเศสก็ได้เรียกร้องให้รัสเซียออกมาอธิบายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างจริงจังโดดเร็ว เพราะถือเป็นการคุกคามในระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ เหตุลอบวางยา นายเซอร์เก สกริปัล อดีตสายลับรัสเซีย วัย 66 ปี และนางสาวยูเลีย บุตรสาววัย 33 ปีของเขา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ร้านอาหารในอังกฤษด้วยสารพิษที่เรียกว่า 'โนวิช็อค' ทำให้ตัวของอดีตสายลับและลูกสาวนั้นหมดสติไปในร้านอาหารที่พวกเขาไปด้วยกันและขณะนี้ก็กำลังได้รับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโดยสภาพร่างกายยังอยู่ในขั้นวิกฤติ
อ่านเพิ่มเติม :
อดีตสายลับรัสเซียถูกสารพิษ อาการสาหัส
อังกฤษเตรียมขับทูตรัสเซีย 23 คนพ้นประเทศ
สหรัฐฯ หนุนอังกฤษขับไล่ทูตรัสเซียกลับประเทศ