ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวพร้อมยืนข้างอังกฤษหลังจากอังกฤษประกาศขับไล่ทูตรัสเซีย23 คนกลับประเทศ หลังเกิดเหตุสายลับรัสเซียและลูกสาว ถูกวางยาพิษระหว่างลี้ภัยอังกฤษ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

หลังจากที่ 'เทเรซา เมย์' นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ประกาศว่าจะพิจารณาลดความสัมพันธ์ทางการทูต และมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตของรัสเซีย 23 คน พ้นจากประเทศภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อตอบโต้กรณีที่ 'เซอร์เก สกริปัล' อดีตนายทหารรัสเซีย วัย 66 ปี ซึ่งลี้ภัยมายังอังกฤษ ถูกวางยาพิษพร้อมกับลูกสาว 'ยูเลีย สกริปัล' วัย 33 ปี

โดยเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์รัสเซียและกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO

สำนักข่าวบลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า การโจมตีดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบถึงอังกฤษเท่านั้น แต่เป็นปฏิกิริยาที่มีผลกระทบต่อสมาชิกนาโต้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ อังกฤษและกลุ่มพันธมิตรต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนริเริ่มและจะไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์อาชญากรรมดังกล่าวที่เกิดขึ้น

ขณะที่ บีบีซี รายงานว่า ทางสหรัฐฯ แถลงการณ์ว่า จะยืนอยู่ข้างอังกฤษในการตอบโต้กับรัสเซีย

'ซาร่าห์ แซนเดอร์' โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯไม่ต้องการให้เหตุการณ์การโจมตีที่น่าเกลียดทำนองนี้เกิดขึ้นอีก และเรียกร้องอังกฤษขับไล่ทูตรัสเซียออกทันที


"ปฏิกิริยาของรัสเซีย ทำให้เห็นว่ารัสเซียไม่เคารพกฎกติกาของนานาชาติ ภายใต้อำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศต่างๆ และยังพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันและกระบวนการประชาธิปไตยของตะวันตก" ซาร่าห์ กล่าว


ขณะที่ 'นิกกี้ ฮาร์เลย์' ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ อ้างถึงสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองประเทศ ระหว่างสหรัฐฯและอังกฤษ พร้อมทั้งกล่าวว่า สหรัฐฯ พร้อมอยู่ข้างสหราชอาณาจักรเสมอ

ส่วน 'อันเดร โฟร์ท รัสมุสเซน' อดีตเลขาธิการนาโต้ กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ตอบโต้ยุโรปของรัสเซีย และถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจะต้อง "โต้กลับ" ด้วยมาตรการคว่ำบาตรและมาตรการระยะยาวในลงโทษผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีปูติน 

ขณะที่ ทางรัสเซียได้ปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการลอบสังหารในครั้งและเรียกร้องให้อังกฤษแสดงหลักฐานที่กล่าวหาว่ารัสเซียเป้นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

'เซอเกรีย ลาลอฟ' รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะให้ความร่วมมือในการสอบสวน ถ้าได้รับการขอร้องอย่างเป็นทางการจากอังกฤษภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงอาวุธเคมีใน 10 วัน หลังจากมีการเรียกร้องของอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม รัสเซียปฏิเสธการหารือกับอังกฤษเมื่อเย็นวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศขับไล่นักการทูตรัสเซียออกจากประเทศ

ขณะที่ทางฝรั่งเศส 'เบนจามิน กรีโวลล์' โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่ฝรั่งเศสจะตัดสินใจในการแสดงตัวว่าอยู่ฝ่ายไหน ทั้งนี้การตัดสินใจจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการพิสูจน์ถึงการมีส่วนร่วมของรัสเซีย

พร้อมกับได้รับการเน้นย้ำจาก 'เอมมานูเอล มาครง' ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศว่า ฝรั่งเศสกำลังหารือตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเร็ววัน นอกจากนี้ยังกล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดและเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อังกฤษเตรียมขับทูตรัสเซีย 23 คนพ้นประเทศ

อดีตสายลับรัสเซียถูกสารพิษ อาการสาหัส

5 พิษปลิดชีพในคดีลอบสังหารทั่วโลก