เฟซบุ๊กเพจยูนิเซฟ ประเทศไทย โพสต์ข้อความ หลังเกิดกรณีผู้ใหญ่ทำร้ายร่างกายเด็กที่จังหวัดชลบุรี ด้วยการจับมัดกับต้นไม้แล้วใช้ไม้ตี สร้างความไม่พอใจแก่ชาวบ้านที่พบเห็น โดยทางยูนิเซฟ ชี้แจงว่า การใช้ความรุนแรงต่อเด็กเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ การกระทำดังกล่าวมีโอกาสที่จะทำให้เด็กบาดเจ็บหนัก และสร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงแก่เด็กได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ ยังแนะนำว่า การสอนให้เด็กทราบว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด จะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้การสร้างวินัยโดยไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ทำร้ายเด็กไม่ว่าจะทางกายหรือทางจิตใจ เมื่อพวกเด็กทำผิด เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะใช้เหตุผลพูดคุยกับพวกเขา ช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่ตามมาของการกระทำผิด และช่วยให้พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งความรุนแรงต่อเด็กเป็นส่ิงที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
กรณีความรุนแรงต่อเด็กดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ หลังเพจเฟซบุ๊กแหม่มโพธิ์ดำ โพสต์ภาพและข้อความว่า "เด็กขโมยเงิน 200 ถูกลงโทษด้วยการขึงพืดกับต้นไม้ แล้วฟาด การลงโทษเด็กแบบแปลกๆ ของผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งในวัดทุ่งเหียง แบบนี้ไม่เข้าข่ายทรมานหรือ เอาเด็กมารัดกับต้นไม้ให้อับอาย แล้วผูกแขนดึงไว้ ฝากแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลด้วย"
จากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่วัดทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี สร้างความไม่พอใจแก่ชาวบ้านที่พบเห็นอย่างมาก และต่อมาทราบชื่อผู้กระทำคือ นายพันธ์ธัช ชวันธนา พร้อมกับภรรยา เป็นคนลงมือทำร้ายเด็ก จากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ทั้งสองคนส่งเสียงให้เด็กคนอื่นๆ ดูเป็นตัวอย่างว่าอย่าขโมยเงิน หากใครขโมยเงินจะต้องเจอแบบนี้ ทำให้มีชาวบ้านที่ทราบข่าวกว่า 60 คน รวมตัวกันที่วัดเพื่อขับไล่นายพันธ์ธวัช กับภรรยา
อย่างไรก็ตาม ทางสำงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี นำเด็กทั้งสองเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.พนัสนิคม เพื่อดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ทารุณกรรมเด็ก กักขังหน่วงเหนี่ยว โดยจะเรียกผู้ต้องหาทั้งสองมารับทราบข้อกล่าวหา แต่หากไม่มาจะดำเนินการติดตามจับกุมต่อไป