ไม่พบผลการค้นหา
สื่อต่างประเทศสัมภาษณ์ รอง ผจก.ตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) กรณีตลาดหุ้นในเอเชียร่วงหนัก หลังสหรัฐฯ มีคำสั่งขึ้นภาษีสินค้าจีน ทำให้นักวิเคราะห์เกรงว่าจะเกิดสงครามการค้าที่กระทบไปทั่วโลก

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่าตลาดหุ้นในเอเชียและทั่วโลก ประสบภาวะผันผวนอย่างหนัก หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนกว่า 100 รายการเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นมาตรการลงโทษจีนซึ่งละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทเอกชนอเมริกันที่ไปลงทุนในจีน และสหรัฐฯ จะเผยรายการสินค้าและรายละเอียดมาตรการขึ้นภาษีภายในเวลา 15 วันต่อจากนี้ 

ท่าทีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งออกมาตรการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนหลายระลอก ทั้งการขึ้นภาษีเหล็กที่อ้างว่าเป็นการตอบโต้การทุ่มตลาดของจีนเมื่อต้นเดือน มี.ค. และการขึ้นภาษีเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์แผงโซลาร์เซลล์เมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากประเมินว่ามาตรการกีดกันทางการค้าตามนโยบาย 'อเมริกาต้องมาก่อน' ของนายทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการค้าทั่วโลกอย่างแน่นอน เพราะอาจจะทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ซีเอ็นบีซีได้สัมภาษณ์นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานการเงินและบริหารเงินลงทุน ตลท. ซึ่งเขาระบุว่า ปฏิกิริยาตอบสนองหรือการประเมินสถานการณ์ในตลาดหุ้นขณะนี้มีความอ่อนไหวเกินจริง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องมาตรการขึ้นภาษีจากฝั่งของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความผันผวน เพราะการขึ้นภาษีจะส่งผลกระทบต่อหลายประเทศที่พึ่งพาการส่งออก

นายภากรระบุว่า เศรษฐกิจไทยพึ่งพารายได้จากการส่งออกมากถึงร้อยละ 60-70 แต่จะเห็นได้ว่าไทยลดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องโดยเปรียบเทียบกับตัวเลขเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งร้อยละ 20 ของสินค้าส่งออกของไทยในอดีตมีตลาดใหญ่ คือ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันมีสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ เกือบร้อยละ 10 เท่านั้น

ปัจจุบัน ไทยส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนมากที่สุด จึงอาจกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีความผูกพันและพึ่งพาการค้าในภูมิภาคมากกว่าการค้ากับสหรัฐฯ 


"ผลกระทบที่จะเกิดกับไทยในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีความสำคัญกับประเทศลดน้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต แต่ก็อาจจะยังมีผลกระทบอยู่บ้าง เพราะหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีนเอง ก็ยังมีการส่งออกทางอ้อมไปยังสหรัฐฯ อยู่"


ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ตลท. มีมติแต่งตั้งนายภากรขึ้นเป็น กรรมการและผู้จัดการ ตลท.คนที่ 13 และจะเริ่มดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยมีวาระ 4 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: