กรณีบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA โพสต์ภาพผลงานของบริษัทในการทาสีวัดและโบราณสถานเมื่อ 2 ปีก่อน ถูกกรมศิลปากรแจ้งเตือนว่า ขอให้ยุติการดำเนินการทั้งหมด เนื่องจากผิดหลักการอนุรักษ์ และเป็นการทำลายความเป็นของแท้ดั้งเดิมของโบราณสถาน อีกทั้งยังไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2535
ล่าสุด วัดโพธาราม ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้ออกประกาศชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องวิหารทองเเละการทาสีดังกล่าว โดยระบุว่า
ทางวัดได้รับแจ้งจากคณะผู้มีจิตศรัทธา กลุ่มคนร่วมทาง พร้อมกับคณะผู้มีจิตศรัทธา ขอทำการบูรณะถวายเป็นพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา มิใช่บริษัทสี TOA เป็นผู้บูรณะตามที่เป็นข่าว เพียงแต่ว่ากลุ่มผู้ขอบูรณะ ได้ไว้ใจเลือกที่จะใช้สีทองของบริษัท TOA
จุดประสงค์ของการทาสีทองทั้งหลัง ทางกลุ่มผู้บูรณะคิดว่าอยากจะให้เป็นวิหารทองคำที่สวยสดงดงาม คู่เมืองโบราณอู่ทอง ให้เป็นเอกลักษณ์ของอำเภออู่ทอง และทางวัดก็คิดว่าอุโบสถหลังเก่าของวัดโพธารามที่ใช้งานมาถึงปี พ.ศ. 2510 ก็มีการสร้างอุโบสถหลังใหม่เสร็จ จึงได้มีพิธีสวดถอนอุโบสถหลังเก่า ใช้อุโบสถ์หลังใหม่ ต่อมาก็เป็นที่พักอาศัย ของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร จนช่วง พ.ศ. 2540 วิหารชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก ทางวัดเลยงดการใช้งานวิหารและปล่อยทิ้งร้าง
จนเมื่อช่วงกลางปี พ.ศ. 2557-2558 ได้มีคณะกลุ่มคนร่วมทาง มาทำการบูรณะถวาย และได้มีการทาสีทองทั้งหลังเพื่อให้เป็นวิหารทองหลังแรก คู่กับเมืองอู่ทอง แต่ทางวัดไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานกับกรมศิลปากร จึงได้ให้คณะผู้มิจิตศรัทธาบูรณะถวายเป็นพุทธบูชา ไม่คิดว่าจะเป็นการทำลายโบราณสถาน
ทางวัดคิดว่าผู้มีจิตศรัทธามาขอบูรณะก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้วิหารพังทลายลงมาก่อนที่จะมีการบูรณะ จึงได้มอบให้กลุ่มคนร่วมทางเป็นผู้ดำเนินการบูรณะ และมีชาวบ้านจรเข้สามพันส่วนใหญ่ได้สนับสนุนการบูรณะ ร่วมแรงร่วมใจ ร่วมสนับสนุนอาหาร และร่วมถวายปัจจัยในการบูรณะ จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2559 ใช้เวลาในบูรณะเป็นเวลา 1 ปี กับ 6 เดือน และได้มีการฉลองวิหารทอง โดยจัดงานเมื่อช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 มีพระสงฆ์และประชาชนจำนวนมากมาร่วมงาน
เวลาผ่านไป 2 ปี มีประชาชนเดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อดวงดี พระประธานในวิหารเป็นจำนวนมาก และได้มีการแชร์ภาพถ่ายจากเพจของบริษัทสี TOA และแสดงทัศนคติในแง่ลบกันออกมาเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นข่าวกระจายไปในโลกโซเซียล ทางกรมศิลปากรเขตรับผิดชอบจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้มาพบกับเจ้าอาวาสและสอบถามข้อเท็จจริง และกำลังคิดว่างแผน ปรับปรุงแก้ไขต่อไป เพราะในช่วงนี้ทางวัดยังขาดทุนทรัพย์ในการบูรณะ เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
ขณะนี้ทางวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างศาลาธรรมสังเวชและกุฏิสงฆ์ ยังขาดทุนทรัพย์เป็นจำนวนมาก ทางเจ้าอาวาสจึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ให้ทำโครงการให้กรมศิลปากรเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณและเป็นผู้ดำเนินการบูรณะต่อไป ในช่วงนี้ทางโครงการการท่องเที่ยวแบบโอทอป นวัตวีถี ได้เข้ามาจัดสวนบริเวณด้านนอกกำแพงขอวิหารทอง เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนจรเข้สามพัน
ขณะที่ บริษัท ทีโอเอ ชี้แจงว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัท ทีโอเอ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทีมงานจึงต้องประสานงานกับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมระบุว่า ทางบริษัท ทีโอเอ ขอน้อมรับทุกคำแนะนำ เพื่อดำเนินการได้อย่างถูกต้อง และรอบคอบยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักศิลปากรทั่วประเทศ ตรวจสอบข้อมูลโบราณสถาน ที่มีการกระทำลักษณะดังกล่าวและประสานกับวัดต่างๆ โดยเร่งด่วน ขอให้ยุติการดำเนินการทั้งหมดและหากเป็นการกระทำที่ผิดต่อ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2535 ผู้ดำเนินการจะต้องรับผิดชอบ และเข้าหารือกรมศิลปากรเพื่อดำเนินการแก้ไขทันที