ลำไย ไหทองคำ หรือ นางสาวสุพรรณษา เวชกามา ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนนาฏศิลป์ ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เมื่อครั้งแจ้งเกิดกับเพลงผู้สาวขาเลาะ เพราะเจอกระแสดราม่าท่าเต้นเซ็กซี่ถล่มอย่างหนัก จนกลัวถูกมองว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชน และต้องการมาทำงานเต็มที่ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวฐานะยากจน ที่มีเธอเป็นแกนหลักในการหาเงินเข้าบ้าน
ภายหลังประสบความสำเร็จจนได้ชื่อว่าเป็นนักร้องสาวคนดังสายลูกทุ่งอินดี้ มีคิวงานแน่นมาตลอด 3 ปี นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการ ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการร้องเพลง เป็นพรีเซ็นเตอร์ ออกรายการและเกมโชว์ต่างๆ ซื้อบ้านซื้อรถให้พ่อแม่ ยกระดับความเป็นอยู่ครอบครัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว เธอกลับมาเรียนต่อ กศน. หลักสูตรเทียบระดับ 6 เดือน ทำแฟ้มประสบการณ์ด้านการพัฒนาอาชีพ อ่านหนังสือด้วยตนเอง และสอบวัดผล เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว จะนำวุฒิ ไปสมัครเรียนต่อระดับอุดมศึกษาทันที
นักร้องสาวคนดังที่ปล่อย เพลงแค่คน ออกมาเป็นผลงานล่าสุด ปักธงเอาไว้ตั้งแต่เด็ก ต้องเรียนจบในระดับปริญญาตรีทางด้านนาฏศิลป์ให้ได้ เพราะมีความฝันจะอยากเป็นครูสอนนาฏศิลป์ แม้วันนี้โอกาสที่จะเป็นแม่พิมพ์ของชาติ มีความเป็นไปได้น้อยลง แต่ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะคว้าใบปริญญา เมื่อทุกอย่างลงตัวจึงกลับมาตามความฝัน
เพราะคิดอยู่เสมอเมื่อเริ่มทำสิ่งต่างๆ จนสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ต้องไม่มัวหลงความสำเร็จที่ได้มา เพราะไม่รู้ว่าความสำเร็จที่ได้มานั้นจะอยู่กับเราไปตลอดหรือไม่ ควรเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จในทุกด้าน
“ฐานะครอบครัวมีส่วนสำคัญกับการตัดสินใจ อยากให้ครอบครัวเรามีรายได้มากขึ้น ทางบ้านยากจน ชีวิตชาวนาไม่มีเงินทอง ใช้ชีวิตไปวันๆ อันนี้ตัดสินใจตามคิดส่วนตัวนะคะ คนอื่นอาจไม่ได้คิดแบบเรา บางคนอาจจะเลือกเรียนก่อนก็ได้ แต่สำหรับหนูเมื่อมีโอกาสเลือกทำงานค่ะ ที่เลือกทำงานก่อน เพราะคิดว่าโอกาสดีๆ ไม่ได้เข้ามาในชีวิตบ่อยๆ คิดในแง่ของหนูนะคะ ไม่ได้ชี้นำใคร ในเมื่อโอกาสมันมาถึงเราแล้ว ถ้าไม่คว้าไว้เดี๋ยวมันก็หายไป ถ้าเลือกเรียนให้จบก่อน โอกาสที่เราจะได้ทำงานมีรายได้คงไม่หวนกลับมาง่ายๆ ตอนนี้กลับมาเรียนต่อแล้วตอนนี้ จบ ม.6 แล้วก็จะต่อมหาวิทยาลัยเลย ตั้งใจเรียนด้านนาฏศิลป์ เรียนรำ เหมือนเดิม เป็นคนชอบด้านนี้มากๆ”
นักร้องสาวกำลังจะมีอายุครบ 21 ปี ในวันที่ 3 ตุลาคม 62 ยอมรับว่า รู้สึกดีใจมาก ที่ได้ใส่ชุดนักศึกษาไปเรียนหนังสือ เหมือนได้เติมเต็มชีวิตวับรุ่นที่ขาดหายไป ต้องออกไปทำงานช่วยแม่กับยาย ด้วยการเดินเร่ขายลูกอมตามร้านอาหารข้างทาง และร้องเพลงกับวงดนตรีอิเล็คโทน
“รู้สึกมีความแตกต่างจากชุดนักร้องมาก ชุดนักร้องต้องใส่ทำงานบนเวที แต่ชุดนักศึกษาก็เป็นชุดที่ใส่เรียน เป็นอีกลุคหนึ่ง ชอบนะคะ ใส่แล้วรู้สึกเป็นวัยรุ่นใสๆ เป็นอีกโมเม้นต์หนึ่งที่หายไป หลังจากลาออกจากโรงเรียน ตอนเรียนม.ปลายก็หวังว่าเรียนจบ ม.6 แล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้ใส่ชุดนักศึกษาไปเรียนเหมือนเพื่อนๆ”
แม้ตอนนั้น ไม่ได้เที่ยวเล่นสนุกตามวัย แต่มิได้รู้สึกเสียใจ ตรงกันข้ามกับรู้สึกภูมิใจที่สามารถเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ประสบความสำเร็จสูงสุดในมุมที่อยากเห็นครอบครัวกินอิ่มนอนอุ่น มีคุณภาพชีวิตที่ดี
“หนูโอเคนะ เราไม่ได้เลือกสิ่งที่ผิดพลาด มีเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่เด็ก อยากมีบ้าน มีรถ อย่างที่บอกที่บ้านฐานะยากจน ดีตรงที่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ไม่เป็นหนี้ วันนี้มีบ้านเป็นของตัวเอง มีบ้านให้พ่อแม่อยู่ มาถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ชีวิตเราดีขึ้นจากจุดเดิมมาก ส่วนตัวคิดว่าเป็นการตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีเงินมาดูแลครอบครัว ดูแลพ่อแม่ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ จากการที่ได้คุยกับเพื่อนๆ สมัยเรียน เพราะเรามาทำงานทำให้ได้เห็นโลกกว้าง เหมือนออกมาเรียนในโรงเรียนชีวิต ได้สัมผัสประสบการณ์จริงๆ ได้เจอปัญหาได้แก้ปัญหา เพื่อให้ผ่านอุปสรรคไปให้ได้ จึงทำให้มีความคิดโตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน”
มีหลายคนมีความคิดว่า เมื่อได้เป็นศิลปินทำให้มีชื่อเสียง มีเงินทอง ลำไยเล่าจากประสบการณ์ตรงว่า งานสาขานี้เบื้องหน้าอาจจะดูสวยหรูหรา แต่เบื้องหลังเหนื่อยใช่เล่น สิ่งสำคัญต้องยอมรับให้ได้กับการเสียความเป็นส่วนตัว
เธอยกตัวอย่าง หลังแสดงคอนเสิร์ตจบทุกครั้ง เธอจะให้ความสำคัญในเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับ ถ่ายรูป หรือ แจกลายเซ็น
“ทุกอาชีพที่ทำเราต้องลงแรงเพื่อแลกกับรายได้ หลายคนอาจมองว่า เป็นดาราเป็นศิลปินมีชื่อเสียงแล้วสบาย เพราะเขาไม่รู้ว่า กว่าจะแต่งหน้าทำผม กว่าจะพร้อมใส่ชุดสวยๆ ขึ้นเวทีให้ได้ชม ต้องตื่นกี่โมง ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก”
“ต้องยอมเสียพื้นที่ส่วนตัว หนูก็เคยเป็นเด็กที่มีศิลปินในดวงใจเหมือนกัน เราคิดว่าการที่ชอบศิลปินไปชมคอนเสิร์ตเขา ไปขอถ่ายรูป และเขามอบไมตรีจิตให้เรากลับมามันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก จดจำโมเม้นต์ดีๆ นี้มาตลอด เราก็อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับแฟนคลับเราเหมือนกัน เคยคิดนะว่าถ้าชอบใครมากๆ แล้วไปดูคอนเสิร์ตเขา และเขาทำหน้าไม่ดีใส่ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเราไม่ดี ก็คงจะเสียใจเหมือนกัน เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ก็ไม่อยากทำให้แฟนๆ ที่รักเราเสียใจ อยากให้เขามีความสุข รู้สึกดีที่ได้มาเจอเรา”
สำหรับเทคนิคพิชิตข่าวแง่ลบกระทบจิตใจ นักร้องสาวค่ายไหทองคำเรคคอร์ด เลือกใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง เพราะเชื่อว่าเสียงเดียวไม่สามารถเถียงชนะหลายเสียงได้
“ก็มีบ้างที่ใจเย็น และก็มีใจร้อน เป็นธรรมดาของคนเรามีทุกอารมณ์ แต่ด้วยความที่เรา เคยผ่านกระแสลบหนักมากจนทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงเรียกที่จะเงียบ ไม่ตอบโต้ คิดว่า เรามีเสียงเดียว การที่ไปเถียงกับคนหมู่มาก ที่มาบอกว่าเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไปเถียงชนะพวกเขา คนที่เขามองเราไม่ดีอธิบายให้ตายเราก็ไม่มีวันดีในสายตาของเขา สู้เราทำดี และนิ่งไว้ดีกว่า สักวันเขาคงเห็น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง เราไม่สามารถไปกำหนดความคิดของคนอื่นได้ ว่าคุณต้องคิดแบบนี้ ต้องมองว่าฉันเป็นแบบนี้”
ลำไย ทิ้งท้าย ถึงแผนการดำเนินชีวิต นอกจากตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานเพลงแล้ว เธอยังมองหาธุรกิจที่เหมาะสมไว้รองรับชีวิตในอนาคต เพราะอาชีพนักร้องที่ใช้ร่างกายทำมาหากิน ย่อมมีวันหมดอายุ
ภาพจากเฟซบุ๊ก : ลำไย ไหทองคำ