มาแรงในชั่วโมงนี้ต้องยกให้ เจน-นุ่น-โบว์ 3 สาวลูกทุ่งซุปเปอร์วาเลนไทน์ (Super วาเลนไทน์) หลังจากเพลง ซูปเปอร์วาเลนไทน์ ในอัลบั้มอยากเป็นซุปตาร์ ที่พวกใช้ร้องจั่วหัวเรียกแขกเข้ามาชมคอนเสิร์ต เมื่อ 10 ปีที่แล้ว กลายเป็นไวรัลเพลงฮิตติดหู โดยเฉพาะท่อนขึ้นต้นแนะนำตัว
“เจนค่ะ เจนค่ะ หนูชื่อเจน มากับนุ่นและก็มากับโบว์ นุ่นค่ะ นุ่นค่ะ หนูชื่อนุ่น มากับเจน และก็มากับโบว์ โบว์ค่ะ โบว์ค่ะ หนูชื่อโบว์ มากับนุ่นและก็มากับเจน”
มีคนนำมา Cover และเต้น Tiktok มากมาย จนหยุดร้องหยุดเต้นตามกันไม่ได้ แพร่กระจายเป็นลูกโซ่ ทั้งเพลงและชื่อ เจน-นุ่น-โบว์ ฝังอยู่ในหัว ขนาดนักร้องดังอย่าง ‘เบน ชลาทิศ’ และนักร้องวัยทีน ‘น้องน้ำใส BNK48’ ยังออกปาก ใครก็ได้ช่วยเอา นุ่น-เจน-โบว์ ออกจากหัวที!! ฉันเอาเพลงนี้ออกจากหัวไม่ได้จริงๆ
วอยซ์ออนไลน์ พาไปทำความรู้จักเจ้าของเสียงร้องเวอร์ชั่นต้นฉบับซูปเปอร์วาเลนไทน์ เพลงที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากถูกลืมไปนานถึง 1ทศวรรษ ขนาดตัวนักร้องยังต้องปัดฝุ่นเนื้อร้องกันใหม่
เส้นทางนักร้อง เจน-นุ่น-โบว์ เติบโตมาจากการเป็นนักร้องวงดนตรี ‘วาเลนไทน์’ หรือ ‘วาเลนไทน์ อ่างทอง’ ก่อตั้งโดย ‘สวัสดิ์ สังข์ทอง’ อดีตนักดนตรีไทยเดิม รับงานทั่วไปตามว่าจ้าง โดยเฉพาะงานวัด งานแต่ง งานบวช เป็นที่นิยมในหมู่คนภูธร และคนทั่วไป เพราะการแสดงหน้าเวทีมีความหลากหลาย เล่นทั้งเพลงลูกทุ่ง เพลงไทยสากล และเพลงสากล สะสมชื่อเสียงแบบ ‘ป่าล้อมเมือง’ คือมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักขยายวงกว้างจากต่างจังหวัดเข้าสู่เมืองหลวง
ภายหลังเธอทั้ง 3 คน ออกจากวงวาเลนไทน์ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ‘ดร.ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม’ หรือ ‘นายห้างทวีชัย’ เจ้าของค่ายท็อปไลน์มิวสิค เป็นเสือปืนไวคว้าเธอ 3คน มาเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัดท็อปไลน์ มิวสิค จับให้ทำเพลงลูกทุ่งร่วมกันในชื่อว่า ซุปเปอร์วาเลนไทน์ (Super วาเลนไทน์)
ในปี พ.ศ.2553 ออกผลงานอัลบั้มแรกอยากเป็นซุปตาร์ มีเพลงซูปเปอร์วาเลนไทน์ ที่กลับมาได้รับความนิยมในเวลา จั่วหัวแนะนำตัวให้รู้ว่า เธอทั้ง 3 คนมีชื่อว่าอะไร สร้างจุดจำให้แฟนเพลง รวมทั้งใช้เรียกแขกเข้ามาชมคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี เพราะมีท่วงทำนองสนุกสนานเร้าใจ หรือเรียกกันตามภาษาลูกทุ่ง คือจังหวะ โจ๊ะๆ ชวนเต้น ด้วยลีลาการเอ็นเตอร์เทนหน้าเวที ร้องเต้นเร้าใจ กล้าได้กล้าเสีย เผ็ดร้อนถึงเครื่อง หลังจากรวมตัวกันเพียง ไม่นานก็แจ้งเกิด คอลูกทุ่งเรียกกันติดปาก ‘เจน-นุ่น-โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์’ และ ‘3สาวซุปเปอร์วาเลนไทน์’ มีงานเดินสายคอนเสิร์ตทั่วไทย ภายในเวลา 8ปี มีอัลบั้มร่วมกัน ประกอบด้วย อยากเป็นซุปตาร์, ซูปเปอร์ซุปตาร์, อย่าเยอะ, รำวงคอมโบ้
ต่อมาต้นสังกัดได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา รวมทั้งการเข้ามาของสื่อดิจิทัล ทำให้ยอดจำหน่ายซีดีตกฮวบและถึงกาลอวสานไปในที่สุด นายห้างทวีชัย ปรับแผนการทำงานใหม่จับเธอทั้ง 3 คน แยกทำเพลงเดี่ยวปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ล ทำให้เห็นเธอทั้ง 3 คน ไปขึ้นเวทีคอนเสิร์ตพร้อมกันน้อยลงในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา ต้องแยกกันไปโชว์ลูกคอแบบบินเดี่ยวมากขึ้น เพื่อความอยู่รอด เนื่องจากเจ้าภาพจัดงาน ไม่สะดวกจ้างเต็มวงเหมือนช่วงเศษฐกิจดีมีเงินอู้ฟู่
เจน ซุปเปอร์วาเลนไทน์ มีชื่อจริงว่า เจนจิรา เหรียญทองคำ ชาว อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เกิดเมื่อวันที่ 25กันยายน พ.ศ.2528 ปัจจุบันอายุ 34ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปกรรม สาขาดนตรีสมัยนิยม ม.รามคำแหง เธอบอกว่า เป็นคนมีนิสัยร่าเริง ชอบการแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก แม้ครอบครัวไม่ได้ลำบากแต่มีความรู้สึกอย่างช่วยพ่อแม่ทำงานแบ่งเบาภาระ ด้วยความที่ชอบเต้น จึงไปเป็นแดนเซอร์ เต้นให้กับวงดนตรีตั้งแต่ ป.6 แลกค่าเหนื่อยครั้งละ 50บาท นำมาเป็นค่าข้าวค่าขนมไปโรงเรียนโดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ ระหว่างที่เรียน ปวช. ช่างไฟฟ้า วิทยาลัยการอาชีพโคกสำโรง จ.ลพบุรี ค่าตัวอัพขึ้นมา 150บาท เก็บหอบรอบริบเป็นทุนการศึกษาส่งตัวเองเรียน จากนั้นขยับไปเป็นแดนเซอร์ในวงวาเลนไทน์อ่างทอง ต่อมาที่วงประสบปัญหาขาดนักร้อง เจ้าของวงเห็นหน่วยการดี จึงถูกผลักดันให้ขึ้นมาเป็นนักร้องนำ อยู่กับวงวาเลนไทน์อ่างทองประมาณ 6 ปี ขยับมาเป็นศิลปินในสังกัดค่ายท็อปไลน์ มิวสิค หลังจากร่วมหัวจมท้ายกับ นุ่น และโบว์ จนแยกกับทำเพลงเดี่ยว ระยะ 2-3 ปีหลังมานี้ นอกจากรับงานคอนเสิร์ตแบบไปโชว์ลูกคอคนเดียว สลับกับเต็มวงบ้าง เธอยังเปิดร้านขายข้าวแกง หารายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง พร้อมกับทำหน้าที่แม่บ้าน ดูแลเอาใจใส่สามีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และลูกสาว 2 คน วัยกำลังซน
“หลายคนบอกว่า ซุปเปอร์วาเลนไทน์ แตกแล้ว จริงๆ ยังไม่แตกนะคะ เพียงแต่ต้นสังกัดต้องปรับรูปแบบการทำงาน และการทำงาน ให้เดินต่อไปได้ในช่วงเศรษฐกิจซบเซา ช่วงหลังมานี้ เรา 3 คน มีงานไปร้องคนเดียวมากขึ้น เพราะเจ้าภาพเขาสะดวกจ้างคนเดียว แต่ก็มีบ้างที่จ้างพวกเราพร้อมกัน 3 คน ก็มารวมตัวกันได้ตลอด”
นุ่น ซุปเปอร์วาเลนไทน์ มีชื่อจริงว่า นัทธมล นิลคูหา เกิดที่กรุงเทพฯ แต่ไปเติบโตที่ จ.อ่างทอง ก่อนครอบครัวย้ายมาลงหลักปักฐานที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2527 ปัจจุบันอายุ 35 ย่าง 36 ปี กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.รามคำแหง เธอบอกว่า ตอนเป็นเด็กไม่อยากเป็นนักร้อง เพราะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่เงียบๆ กับธรรมชาติ แต่เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน มีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ทำให้ต้องจำใจไปร้องเพลงกับคุณพ่อที่เป็นนักร้องวงดนตรี ช่วยหารายได้อีกแรงหนึ่ง
“ช่วงประมาณ ป.4 - ป.5 เริ่มไปช่วยแม่ขายของ เช้าไปเรียนหนังสือตกเย็นก็มานั่งเสียบลูกชิ้น นั่งรถสามล้อไปขายของตามงานวัด โรงหนัง โรงลิเก ตอนนั้นลำบากมากที่บ้านเป็นหนี้เยอะ แม่บังคับให้ร้องเพลง ซึ่งพ่อไม่ได้สนับสนุนเลย แต่ทำไงได้ก็ต้องจำใจร้อง ซ้อนมอเตอร์ไซค์พ่อไปขึ้นรถสิบล้อ ไปร้องเพลงกับวงดนตรีค่าตัว 50บาท กลับบ้านเที่ยงคืนตีหนึ่ง เช้าตื่นไปโรงเรียนต่อ วันไหนพ่อมีงานร้องเพลงก็ไปกับพ่อ จนค่าตัวขยับขึ้นมา 100 บาท และ 150 บาท ตามลำดับ ไม่มีงานก็ไปช่วยแม่ขายของตามงานวัด จน ม.3 ตัดสินใจไปร้องเพลงกับวงดนตรี พักการเรียนไว้ก่อน คิดว่าทำงานหาเงินก่อนดีกว่า ไว้กลับมาเรียนใหม่ก็คงไม่สาย แต่ถ้าไม่ทำงานครอบครัวไม่กินแน่ๆ”
นุ่น บอกต่อว่า ก่อนก้าวมาเป็นศิลปินในสังกัดค่ายท็อปไลน์มิวสิค เธอเป็นนักร้องนำวงวาเลนไทน์ ร่วมกับ เจน และโบว์ อยู่ประมาณ 7-8 ปี ก่อนตัดสินใจลาออกเพราะเบื่อการเดินทางไกล เนื่องจากประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ต มีอาการปวดขาเรื้อรัง เวลาเดินทางไกลอาการปวดกำเริบหนัก อีกทั้งมีแฟนคลับโรคจิตคุกคามชีวิตส่วนตัว หนักสุดถึงขั้นดักฉุดกลางทางระหว่างกลับบ้าน
หลังจากงานจ้างคอนเสิร์ต 3สาวซุปเปอร์วาเลนไทน์แบบเต็มวงเริ่มซบเซา นอกจากรับงานคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นหลักแล้ว ก่อนโควิด-19ระบาด ส่งผลให้การดำเนินชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก เธอยังขายของออนไลน์ และไปช่วยแม่ขายกับข้าว ขายไก่ทอด ตามตลาดนัด โดยไม่รู้สึกอายเวลามีคนจำได้มาทักว่า เป็นนักร้องมีชื่อเสียงแล้วทำไมยังต้องมาขายของตามตลาดนัดอีกและไปเรียนตัดผมชาย เมื่อจบหลักสูตรแล้วตั้งใจเปิดร้านตัดผมชายสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
“ก่อนโควิดมาไปขายของกับพ่อกับแม่ตามตลาดนัด ขายไก่ทอด หาของอย่างอื่นไปขายด้วย แฟนคลับที่จำได้ก็มาถามว่าไม่อายหรอเป็นถึงนักร้องแล้ว มายืนขายของมายืนสับไก่ ก็ตอบเขาว่าไม่อายภูมิใจด้วยซ้ำ ได้เลือดพ่อเลือดแม่มาเต็มตัว พ่อเป็นนักร้องนุ่นก็เป็นนักร้อง แม่เป็นแม่ค้านุ่นก็เป็นแม่ค้า สามารถทำได้ทุกอย่าง ทำแล้วมีความสุขเป็นช่องทางทำมาหากิน เป็นทางเลือกที่ดี มีเวลาว่างก็ไปเรียนตัดผม ที่เรียนตัดผมชายเพราะอยากเปิดร้านตัดผมผู้ชายคิดว่าไม่จุกจิกดีเหมือนร้านเสริมสวย อนาคตคิดว่าคงร้องเพลงไปไม่ตลอด อยากเริ่มปูทางรองรับอนาคตไว้ตั้งแต่ตอนที่เรี่ยวแรงยังดี”
นุ่น บอกอีกว่า หลังจากเพลงซูปเปอร์วาเลนไทน์กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในรอบ 10ปี แว็บแรกรู้สึกตกใจที่มีคนจำนวนมากทั้งคนดัง และคนทั่วไปปลุกกระแสขึ้นมาในช่วงนี้
“เอาจริงๆ นะเมื่อ 10 ปีที่แล้วพอรู้ว่าต้องร้องเพลงนี้ เฮ้ยรู้สึกตลกขำ เพลงอะไรเด็กน้อยมาก ทำไมต้องแนะนำตัว นุ่นค่ะ โบว์ค่ะ เจนค่ะ แนะนำตัวจะได้หรอ จู่ๆ เพลงนี้กลับมาดังภายในเวลาข้ามคืนตอนแรกรู้สึกตกใจ มาได้ไงเนี่ย ไม่เคยคิดว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา พวกเรายังจำเนื้อไม่ได้เลย พอตั้งสติได้ก็รู้สึกดีใจ ตื่นเต้นไม่คิดเพลงนี้จะทะลุไปถึงศิลปินดาราดัง และคนหลากหลากหลายวงการมากันหมด ยิ่งตอนนี้กลายเป็นความภูมิใจที่เพลงนี้กลับมาช่วยคนในช่วงวิกฤตกำลังเครียด ให้รู้สึกผ่อนคลายช่วงที่กักตัวอยู่บ้านไปไหนไม่สะดวก ทุกคนอัดคลิปแชร์ให้ดูกัน อย่างน้อยเพลงเราเพลงนี้ทำให้คนหัวเราะได้บรรเทาความทุกข์ได้ ลึกๆ ก็มีแอบเสียดายนะ เฮ้ยทำไมไม่ดังก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังรับงานกันได้อยู่ มาดังตอนนี้ เราเป็นตัวจริงเสียงจริงแต่ไปไหนมาไหนไม่ได้ รับงานไปแสดงให้แฟนเพลงที่เขาอยากเห็นตัวเป็นๆ ไม่ได้”
โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์ มีชื่อจริงว่า กัลยาณัฎศนา แก่นแก้ว เป็นชาว อ.ปาโมก จ.อ่างทอง เกิดเมื่อวันที่ 6สิงหาคม พ.ศ.2529 จบการศึกษา ม.6 รายนี้รักการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อร้องเพลงของ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2540 สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ให้ฟังทุกวัน มีคุณปู่ และคุณย่าเป็นลิเกเก่า ก่อนร้องเพลงเป็นอาชีพหลังจาก จบ ป.6 ไปสมัครเป็นนักร้องวงดนตรีเดือนเพ็ญ ที่มาปักหลักทำการแสดงที่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ได้ค่าตัวครั้งแรก 50 บาท เป็นนักร้องประจำวงดนตรีเดือนเพ็ญ 3 ปี ย้ายไปอยู่กับวงวาเลนไทน์อ่างทอง หลังจากหัวหน้าวงมาทาบทาม เนื่องจากในวงไม่มีนักร้องลูกทุ่งผู้หญิง เป็นนักร้องนำวงวาเลนไทน์อยู่ 9 ปี ตัดสินใจลาออกมาช่วยพี่ชายกับคุณพ่อทำวงดนตรีชื่อวงแฟนต้า และได้รับการชักชวนจากค่ายท็อปไลน์ มิวสิค ให้เป็นศิลปินในสังกัด ทำงานร่วมกับ เจน และนุ่น อีกครั้งหลังจากเดินสายร่วมกันมายาวนานในฐานะนักร้องงานเลี้ยงงานบุญงานบวช จากวันนั้นถึงวันนี้เธอเป็นศิลปินค่ายท็อปไลน์ฯ มา 8ปี ทุกวันนี้ยังยึดอาชีพนักร้องหารายได้ช่องทางเดียว
“หนูรักการร้องเพลงมาก ร้องมาตั้งแต่เด็ก ช่วงหนึ่งเคยเรียนโรงเรียนนาฏศิลป์ที่ไม่จบเพราะปืนรั้วออกไปร้องเพลง เมื่อก่อนร้องงานเลี้ยง รถตู้วงจะออกเดินทางแล้ว โรงเรียนยังไม่เลิก ก็ปืนรั้วโรงเรียนออกไปเลย ไม่อยากให้วงรอหรือรู้สึกว่าเป็นภาระ หนูเป็นคนขี้เกรงใจคน”
ด้วยลีลาการร้องเอ็นเตอร์เทนหน้าเวทีเน้นไปที่การขายความเซ็กซี่เร้าใจ สวนทางกับตัวตนแท้จริงที่เป็นคนไม่ชอบการแต่งตัว โบว์ ยอมรับว่า บนเส้นทางศิลปินช่วงแรกๆ เคยถูกปรามาสเต้นกินรำกินจะไปได้สักกี่น้ำ มาถึงวันนี้ เธอรู้สึกภูมิใจที่อาชีพนักร้องช่วยให้ดูแลตัวเองได้ เป็นเสาหลักยกระดับครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น