ไม่พบผลการค้นหา
วิลาศ เสนอ เลิกประกาศกรมศุลกากรที่ 72/2550 เว้นภาษี 40 % รถ 11 ที่นั่ง หลังเป็นช่องทางเลี่ยงภาษี ชี้หาก ป.ป.ช. ตรวจสอบล่าช้า อาจจะนำเรื่องนี้ไปร้องต่อนายกฯ เตรียมหาช่องทางฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบฯ

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงความคืบหน้ากรณีรถหรู แต่ภาษีนำเข้า 0 % หลังจากตนไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรมศุลกากร, ดีเอสไอ, และอัยการ ในวันพุธที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการและข้าราชการ นัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป

นายวิลาศ ระบุว่า การนำรถเข้ามา 190 ใบขน จำนวน 554 คัน มีการหลีกเลี่ยงภาษีจากช่องว่างของระเบียบใช้วิธีการ สำแดงว่าเป็นรถ 11 ที่นั่งแต่มีการดัดแปลงประกอบเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ในพื้นที่เขตปลอดอากร เพื่อใช้สิทธิ์ไม่เสียภาษีอากร นำเข้า 40% เนื่องจากตามประกาศกรมศุลกากรที่ 72/2550 เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2550 ได้ระบุไว้ว่า 'รถยนต์ที่ประกอบหรือดัดแปลงจากวัสดุภายในประเทศเกิน 40% ไม่ต้องเสียภาษีอากรนำเข้า' ทำให้รัฐเสียรายได้กว่า 2 พันล้านบาท อีกทั้งยังกระทบภาษีป้ายด้วย เพราะกฎหมายเขียนว่ารถ 11 ที่นั่งป้ายทะเบียนจะเป็นพื้นขาวตัวหนังสือสีฟ้า เสียภาษีป้าย 1,900 บาท รถ 7 ที่นั่งพื้นสีขาวตัวหนังสือสีดำ เสียภาษีป้ายตามซีซี ปรากฏว่ารถหรูที่ดัดแปลงที่นั่งก็จะเสียภาษีน้อยลง เนื่องจากใช้ป้ายแบบรถ 11 ที่นั่ง ทั้งๆ ที่เป็นรถ 7 ที่นั่งทำให้รัฐเสียหายจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องการให้ยกเลิกประกาศดังกล่าวเพราะกลายเป็นช่องโหว่ในการเลี่ยงภาษี และยังเป็นช่องทางที่เจ้าหน้าที่นำไปแสวงหาประโยชน์ด้วย หรือถ้าไม่ยกเลิกก็ต้องมีกระบวนการตรวจสอบที่รัดกุม ไม่ใช่ตรวจสอบแค่เอกสาร โดยไม่พิสูจน์ข้อเท็จจริงเหมือนที่กรมศุลกากรทำอยู่ในขณ���นี้ โดยอยากให้ ป.ป.ช.เร่งตรวจสอบในเรื่องนี้เพราะมีการทุจริตอย่างมโหฬาร

อดีตสส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คดีนี้ดีเอสไอสอบสวนมาเกือบ 8 ปี โดยเริ่มต้นคดีอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักคดีภาษีอากร แต่ในวันที่ 17 มิ.ย.59 โอนคดีจากสำนักคดีภาษีอากรไปอยู่สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ก่อนจะมีการสั่งไม่ฟ้อง จึงสงสัยว่ามีการล็อกตัวเจ้าของสำนวนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช. ดำเนินการล่าช้า ตนอาจจะนำเรื่องนี้ไปร้องต่อนายกรัฐมนตรี และจะหาช่องทางฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบฯ ต่อไป