ไม่พบผลการค้นหา
ค่าเงินบาทที่แข็งอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากจะกระทบธุรกิจส่งออกแล้ว ยังกระทบกับแรงงานไทยในต่างประเทศที่ต้องส่งเงินกลับมามากขึ้นกว่าเดิมด้วย แต่ก็ไม่มีวิธีป้องกันความเสี่ยงใดๆ

ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2016 ที่อัตราการแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์อยู่ที่ประมาณ 36 บาท และยังคงแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เงินบาทแข็งค่าร้อยละ 4 จากระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นปี 2560 มาอยู่ที่ 31.48 บาทต่อดอลลาร์ในปัจจุบัน และนอกจากจะแข็งค่าเร็วแล้ว ยังมีความผันผวนสูง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ทำการค้าหรือผู้ที่มีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนในการบริหารความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวนนี้ ทางการไทยจึงแนะนำให้ผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินผันผวนด้วยการซื้อ ขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) ซื้อสิทธิในการซื้อขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Option Contract) หรือฝากเงินตราต่างประเทศไว้ในไทย เพื่อรอให้อัตราการแลกเปลี่ยนเป็นที่น่าพอใจกว่า

อย่างไรก็ตาม ช่วงปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าของไทยมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ธุรกิจส่งออกของไทยจึงเติบโตขึ้นอย่างมาก ดังนั้น นางสาวกุลยา ตันติเตมิทโฆษกกระทรวงการคลังก็เชื่อว่า แม้ค่าเงินบาทจะกดดันธุรกิจส่งออกตลอดช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการไทยยังมีศักยภาพรับมือได้ ขณะเดียวกัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งอีกกลุ่มหนึ่งกลับไม่ค่อยมีใครพูดถึง หรือให้คำแนะนำในการรับมือภาวะค่าเงินผันผวนก็คือแรงงานไทยในต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวในไทยใช้

โดยคุณบังอร ธรรมสอน ประธานสมาคมรวมไทยในฮ่องกง เปิดเผยกับทีมข่าววอยซ์ ออนไลน์ เกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างมากต่อคนไทยในฮ่องกงใน ช่วงปีที่ผ่านมา คุณบังอรเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ เคยส่งเงินกลับประเทศในอัตรา 1 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อ 4.20-4.60 บาท พอค่าเงินแข็งขึ้นมาเป็น 4.15 บาทต่อเหรียญก็เริ่มท้อแล้ว ได้แต่ภาวนากันขออย่าต่ำกว่า 4.00 บาท แต่ปัจจุบันมาอยู่ที่ 3.97 - 4.00 บาทเท่านั้น ในขณะที่เงินเดือนในฮ่องกงยังเท่าเดิม แต่กลับต้องโอนเงินกลับไทยในจำนวนมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อเธอต้องผ่อนบ้าน หลังจากอาศัยอยู่ในฮ่องกงมานานถึง 21 ปี คุณบังอรได้วางแผนซื้อบ้านที่ประเทศไทยเพื่อกลับมาอยู่อย่างถาวร โดยมีกำหนดการวางเงินมัดจำในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่จากเดิมประเมินว่าจะต้องส่งเงินค่าผ่อนบ้านประมาณ 23,900 เหรียญ ตอนนี้กลายเป็นส่ง 31,700 เหรียญ เมื่อเงินที่ส่งถึงครอบครัวในไทยลด ลง ทำให้หลายคนไม่เหลือเงินเก็บไว้ใช้ส่วนตัวในฮ่องกงเลย

โดยคุณบังอร อธิบายว่า คนไทยในฮ่องกงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มแรงงานข้ามชาติ เช่น ผู้ช่วยแม่บ้าน กลุ่มนี้ไม่สามารถเก็บเงินรอได้ เพราะต้องส่งมาเลี้ยงครอบครัวทุกเดือน ต้องจำยอมให้เป็นไปตามนั้น 2. กลุ่มคนไทยที่มีวีซ่าถาวร และคนไทยที่ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวมากในไทย ก็จะเก็บเงินรอไว้เพื่อรอเงินบาทอ่อนค่าลง

ด้านคุณวัฒนา ไชยพารา แรงงานไทยในฮ่องกงเปิดเผยว่า ช่วงนี้ต้องประหยัดมาก ปกติจะส่งเงินกลับไทยทุกเดือนให้ทางบ้านใช้ เดือนละประมาณร้อยละ 30 - 40 ของรายได้ ทุกวันนี้ก็ยังส่งเท่าเดิม แต่ทางบ้านจะได้เงินน้อยลง ส่วนการป้องกันความเสี่ยงความผันผวนของค่าเงินก็ไม่มีทางการออกมาแนะนำว่า ควรต้องรับมืออย่างไร ทำได้เพียงประหยัดเอาเท่านั้น