ไม่พบผลการค้นหา
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กัญชาถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นพืชเสพติด ประเภทที่ 5 ขอให้ประชาชนชาวจังหวัดน่าน ยุติการปลูกกัญชา ให้ติดตามข่าวสาร ของทางรัฐบาลและหน่วยงานราชการ

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานจากกรณีที่อำเภอสนธิกำลังตำรวจ สภ.ปัว เข้ายึดกัญชาสดแห้ง จากร้านขายพันธุ์ไม้ โดยขยายผลจากที่มีผู้ป่วยใช้น้ำมันสกัดชา แล้วถูกหามเข้าโรงพยาบาลน่านนั้น นายชนาธิป เสมแย้ม นายอำเภอปัว พร้อมตำรวจ สภ.ปัว และฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบร้านขายพันธุ์ไม้และปุ๋ยหลังขยายผลจากผู้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการช็อกจากน้ำมันกัญชา พร้อมทราบว่ามีการจำหน่ายน้ำมันกัญชาและใบกัญชาอบแห้งตรวจสอบพบต้นกัญชาอายุตั้งแต่ 1-3 เดือนสูงมากกว่า 1 เมตร จำนวน 131 ต้น ต้นกล้ากัญชาเพาะในตะกร้า 6 ตะกร้า ในถุงเพาะอีก 65 ต้น ใบกัญชาแห้งบรรจุซองสำหรับชงดื่ม พร้อมตู้อบแสงอาทิตย์ 1 ตู้ 

ซึ่งทางร้านดังกล่าวจำหน่ายกัญชาอบแห้งให้กับผู้ป่วยที่ต้องการใช้รักษาโรคโดยไม่ได้หวังผลกำไร ทั้งนี้ทางร้านได้ขอขึ้นทะเบียนต่อสาธารณสุขแล้ว แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต 

ด้านพล.ต.ต.สันต์ โพธิ์รักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวถือว่าผู้ลักลอบปลูกกัญชายังมีความผิด เนื่องจากเป็นพืชเสพติดประเภทที่ 5 ขอให้ประชาชนชาวจังหวัดน่านให้ติดตามข่าวสารของทางรัฐบาลและหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะจากกระทรวงสาธารณสุข อย่ารีบปลูกหรือผลิตเพื่อจำหน่ายก่อน ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

นายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูรณ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน กล่าวว่า สำหรับเรื่องกัญชานั้นยังเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง ขอให้ประชาชนอย่ารีบทำการรักษาในเวลานี้ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังวิจัย ทั้งนี้ทางการแพทย์แผนไทยกำลังศึกษาข้อมูอยู่การเสพกัญชาด้วยการสูบ นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาทางจิตแล้วอาจจะทำให้เกิดอาการปอดอุดกั้นเรื้อรังเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ได้ 

ทั้งนี้ ทางการแพทย์ยังไม่มีข้อกำหนดและบ่งชี้การใช้น้ำมันกัญชา จึงควรอยู่ในความแนะนำของแพทย์ ซึ่งน้ำมันกัญชาเบื้องต้นใช้กับการปวดเส้นประสาทที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้ผลกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคลมชักที่ดื้อยา โรคปลอกประสาทอักเสบ หรือผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โดยกัญชามีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่งผลเสียต่อร่างกายและจัดเป็นสารที่ทำให้เสพติดได้จึงไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ในโรคที่สามารถรักษาด้วยยาปกติ จึงขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่ประจำก่อนจะปลอดภัยกว่า