ไม่พบผลการค้นหา
ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ซึ่งครองอำนาจการปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน เตรียมที่จะได้ปกครองประเทศต่อไป ผ่านการเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ (23 ก.ค.) ของกัมพูชา ท่ามกลางการลงแข่งเลือกตั้งแบบแทบจะไม่มีพรรคคู่แข่งที่มีความสูสี

ประชาชนกัมพูชาคาดการณ์กันในส่วนใหญ่ว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของฮุนเซน จะสามารถกวาดจำนวน ส.ส.ของรัฐสภากัมพูชาทั้งหมด 125 ที่นั่งได้อีกครั้งเช่นเคย ในขณะที่ผู้วิพากษ์วิจารณ์กล่าวกันว่า การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาในครั้งนี้ เป็นเพียงการเลือกตั้งที่หลอกลวง

จนถึงปัจจุบันนี้ ฮุนเซนกุมอำนาจการปกครองกัมพูชามาได้นานกว่า 38 ปี และเขาไม่มีคู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้านที่มีอำนาจสูสีกับเขาเลย หลังจากเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาประกาศว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียว ที่มีอำนาจพอจะทัดทานในการสู้ศึกเลือกตั้งกับฮุนเซน ได้ขาดคุณสมบัติในการลงรับเลือกตั้ง

ชาติตะวันตกรวมถึงสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความตรงไปตรงมา ของการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในกัมพูชาครั้งนี้ ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามทำให้มั่นใจได้ว่า ประชาชนจะออกมาเลือกตั้งกันมากเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพรรคฝ่ายตรงข้ามกับฮุนเซนให้เลือกลงคะแนนก็ตาม ด้วยการประกาศว่าการดำเนินการใดๆ ของผู้ที่พยายามคว่ำบาตรการเลือกตั้งหรือทำลายบัตรเลือกตั้ง จะมีความผิดและต้องได้รับโทษทางอาญา

ทั้งนี้ ฮุนเซนได้เดินทางมาลงคะแนนเสียงในคูหาเลือกตั้ง เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ที่ผ่านมาในกรุงพนมเปญ อย่างไรก็ดี ฮุนเซนได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขากำลังวางแผนสืบทอดอำนาจของเขาต่อให้แก่ ฮุนมาเนต ลูกชายคนโตของเขา ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการทหาร ด้วยการขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคประชาชนกัมพูชาแทนพ่อของตัวเอง และแผนการสืบทอดอำนาจจากฮุนเซนสู่ฮุนมาเนต อาจเริ่มปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงสัปดาห์หน้า

ในช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งของกัมพูชา มีรายงานพบ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ถูกโจมตีด้วยความรุนแรง โดยฮิวแมนไรท์วอทช์รายงานว่า รัฐบาลกัมพูชายกระดับการข่มขู่ และการจับกุมฝ่ายค้านทางการเมืองโดยพลการในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ในขณะที่ฮุนเซนยกระดับการปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยมของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาสั่งห้ามลงรับเลือกตั้ง ต่อพรรคฝ่ายค้านหลักของประเทศอย่างพรรคแสงเทียน โดยให้เหตุผลในเรื่องทางเทคนิค ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติกัมพูชาระบุว่า พรรคแสงเทียนขาดการยื่นเอกสารต่อทางการ ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี พรรคแสงเทียนได้รับคะแนนเสียงกว่า 22% ในปีที่แล้ว และนักวิเคราะห์กล่าวว่า ฮุนเซนเห็นว่าเสียงเหล่านี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อการปกครองของเขา

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขมโสกา แกนนำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกตัดสินจำคุก 27 ปีในข้อหากบฏ และสำนักข่าวสำคัญของกัมพูชาอย่าง Voice of Democracy ถูกทางการกัมพูชาสั่งให้ปิดตัวลง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ของกัมพูชา นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ติดต่อกันที่ฮุนเซนเล็งเป้าหมายการโจมตี ไปที่องค์กรด้านประชาธิปไตยในประเทศ และทำลายพรรคฝ่ายค้านให้ไร้อำนาจการแข่งขันในช่วงก่อนวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

เมื่อปี 2561 พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุนเซนชนะทุกที่นั่งในสภาแห่งชาติกัมพูชา ซึ่งมีทั้งหมด 125 ที่นั่ง หลังจากที่ศาลของกัมพูชาซึ่งถูกครอบงำในทางการเมือง ตัดสินให้มีการยุบพรรคพันธมิตรฝ่ายค้านหลักของประเทศลง โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ กัมพูชามีพรรคอื่นๆ อีก 17 พรรคที่เข้าร่วมในการเลือกตั้ง แต่เกือบทุกพรรคมีขนาดที่เล็กเกินไป หรือไม่ก็เป็นพรรคใหม่หรือพรรคแนวเดียวกับพรรครัฐบาลกัมพูชาปัจจุบัน ส่งผลให้ไม่มีผู้ท้าชิงอำนาจที่สูสีกับฮุนเซน

การเลือกตั้งของกัมพูชาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนสำหรับเศรษฐกิจของประเทศ โดยประชาชนกัมพูชาระบุว่า พวกเขาต้องดิ้นรนอยู่กับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ค่าจ้างที่ไม่มีการปรับตัว และหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่ฮุนเซนกำลังหาเสียงเลือกตั้งในก่อนหน้านี้ เขาตั้งธงว่าการขึ้นสู่อำนาจในครั้งนี้ อาจเป็นวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายของเขา โดยในปี 2564 ฮุนเซนกล่าวว่าเขาจะส่งมอบการควบคุมอำนาจให้กับลูกชายคนโตของเขาอย่างฮุนมาเนต ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพกัมพูชา และเป็นผู้สมัครชิงที่นั่งในรัฐสภากัมพูชาเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ก.ค.) ฮุนมาเนตเป็นผู้นำการหาเสียงของพรรคในช่วงวันสุดท้ายในกรุงพนมเปญ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลา สำหรับการเปลี่ยนผ่านอำนาจของฮุนเซน โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งสัญญาณว่า ลูกชายของเขา "สามารถเป็น" นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ในอีก 3 หรือ 4 สัปดาห์ข้างหน้า

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พรรคของฮุนเซนชนะการเลือกตั้งกัมพูชาทั้ง 6 ครั้ง ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 หลังจากสหประชาชาติเข้ามาช่วยเหลือให้กัมพูชาที่มีประชากร 16 ล้านคน กลายมาเป็นประเทศประชาธิปไตย หลังสงครามกลางเมืองและระบอบเขมรแดงที่โหดร้าย ซึ่งสังหารประชาชนไปเป็นจำนวนมาก

เป็นเวลาที่ผ่านมาแล้วกว่า 4 ทศวรรษ ที่ฮุนเซนได้รวบอำนาจการปกครองกัมพูชา ผ่านการควบคุมกองทัพทหาร ตำรวจ และผลประโยชน์ทางการเงิน โดยผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ฮุนเซนเลือกวิธีการเล่นงานพรรคตรงข้ามทางการเมืองของเขา ด้วยตัวเลือกต่างๆ เช่น การสั่งจำคุก หรือเนรเทศพวกเขาออกจากประเทศไป


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-asia-66264726?fbclid=IwAR3j0FURPwryAbZRoRFaLuCc_Q00MhUEwii4zOyC1B0Wq4dzNjlVvM4rv3g