นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า โครงการหอชมเมืองนี้เกิดขึ้นมานานแล้วจากการรวมตัวของภาคเอกชนและสถาบันการเงิน กว่า 50 องค์กร ที่จัดตั้งเป็นมูลนิธิหอชมเมืองขึ้นมา โดยเป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไรมาแบ่งกันโดยจดทะเบียนมูลนิธิเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2557
หลังจากนั้นมูลนิธิฯ ได้เข้าไปเสนอกับกรมธนารักษ์ ว่าขอให้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ในเขตคลองสาน จำนวน 4 ไร่ 2 งาน 34 ตรางวา จากการตรวจสอบข้อมูล ที่สมาชิกระบุว่าเป็นพื้นที่ว่างของที่ราชพัสดุเดิม ไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์ ไม่มีการเช่า ไม่มีการพัฒนาอย่างใดทั้งสิ้น เหตุผลหลักเพราะเป็นที่ตาปลอด ไม่ค่อยเหมาะสมกับการพัฒนา แจ้งทางเข้าออก ไม่สะดวก กระทรวงการคลังเมื่อได้รับข้อเสนอโดยกรมธนารักษ์ ก็ได้แจ้งกับไปยังมูลนิธิฯ ว่า ขอให้ไปปรึกษาหารือเรื่องปัญหาจราจร ปัญหาสิ่งแวดล้อมกับ กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน ถึงจะมาพูดจากันเรื่องขอเสนอการลงทุนพัฒนาพื้นที่
นายอุตตม กล่าวต่อว่า หลังจากที่มูลนิธิฯ ได้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการแก้ไขปัญหา อาทิ จัดหาพื้นที่จำนวนกว่า 2,200 ตารางเมตร และยอมจดทะเบียนเป็นภาระจำยอมให้ทางเข้า ออกของโครงการหอชมเมือง แล้วจึงกลับมาศึกษาการลงทุนร่วมกับกรมธนารักษ์ ซึ่งทางกรมธนารักษ์ ได้จัดจ้างสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนร่วมกันดังกล่าว
จากผลสรุปของการศึกษาทางสถาบันฯ บอกว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่ารวมประมาณ 100.87 ล้านบาท ขณะที่มูลนิธิฯ ตามข้อเสนอจะต้องลงทุนประมาณ 4,478 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ที่ดินของกรมธนารักษ์ที่เป็นที่ตาบอดจะมีมูลค่าสูงขึ้นจากการพัฒนา ขณะเดียวกันหอชมเมืองก็มีความสูงพอสมควรเกือบ 460 เมตร ซึ่งเป็นหอชมเมืองที่มีความสูงระดับ 6 ในเอเชีย สามารถที่จะมีประโยชน์กระตุ้นการส่งเสริมรายได้ จากการท่องเที่ยวได้ซึ่งเป็นรายได้สำคัญขอประทศ ซึ่งตัวเลขปี 2557 รายได้จากการท่องเที่ยวจำนวน 1.17 ล้านล้านบาท ปี 2560 เพิ่มเป็น 1.83 ล้านล้านบาท
รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ที่สำคัญโครงการหอชมเมืองมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้น ภายในหอชมเมืองที่ต้องการดำเนินการในเรื่องของศาสตร์พระราชาเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพื้นที่แสดงศาสตร์พระราชาให้ผู้เช้าชมทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งตนได้สอบถามกรมธนารักษ์ว่าในขณะนั้นมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง ปรากฏว่ากรมธนารักษ์จะได้ประโยชน์จากการเก็บค่าธรรมเนียม และการพัฒนาโครงการตลอดอายุสัญญา 30 ปี เป็นเงินประมาณ 62 ล้านบาท จากที่ดินเดิมที่ไม่เคยได้รับประโยชน์อะไร และเห็นว่าเจตนารมณ์ของมูลนิธิฯ ที่จดไว้ว่าไม่มุ่งแสวงหากำไร หากมีกำไรมูลนิธิฯก็ต้องเอามาพัฒนาชุมชนโดยรอบ ซึ่งรัฐเห็นว่าเป็นการตอบแทนสังคมที่ดีจึงพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการ แต่เป็นโครงการที่มีการลงทุนสูงจึงได้ดำเนินการตามกฎหมาย
นายอุตตม กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการไม่เปิดให้มีการประมูลให้เอกชนแข่งขัน ทางกรมธนารักษ์ ชี้แจงว่า กรมธนารักษ์ ได้พิจารณาโดยเห็นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นมี่ตาบอดไม่เหมาะสมกับการพัฒนาและไม่เคยมีใครยื่นขอเช่าที่แปลงดังกล่าวเลย ประกอบกับเห็นประโยชน์ ความจำเป็นในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของการท่องเที่ยว ที่สำคัญเป็นการน้อมนำศาสตร์พระราชาไปสู่การปฏิบัติได้ ดังนั้นหากใช้วิธีประมูลก็จะก่อให้เกิดความล่าช้าได้ จึงให้กระทรวงการคลังดำเนินการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการร่วมทุนซึ่งพิจารณาอย่างรอบคอบ