นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงกรณี พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ออกหมายเรียกให้ พลโทพงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าพบเนื่องจากมีการแชร์ข่าวปลอม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดื่มกาแฟข้างทางแก้วละ 12,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 82,000 บาท ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการนำเข้าเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ถือเป็นความผิดตามมาตรา 14 (2)และ14(5) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีอัตราจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นางสาว พรรณิการ์ กล่าวว่า รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะแชร์ข่าวปลอม โดยเมื่อทราบว่าเป็นข่าวปลอมก็ได้รีบลบภายในไม่กี่นาทีและโพสต์ขอโทษทันที พร้อมยืนยันว่า หมายดังกล่าวเป็นแค่หมายเรียกไม่ใช่หมายจับ ซึ่ง พลโท พงศกร จะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 11 มีนาคมนี้
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวปลอมนี้มีคนแชร์เป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะคนที่ถูกออกหมายเรียก การกระทำแบบนี้จึงมองว่า เป็นการพยายามสกัดกั้นพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีการแจ้งข้อกล่าวหากับพรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ทางพรรคไม่ได้กลัวหรือกังวล เพราะมองว่าผู้ที่กำลังใช้กฎหมายที่มีอยู่ในมือพยายามจะสกัดพรรคอนาคตใหม่คือผู้ที่กลัวมากกว่า
ทั้งนี้ มองว่าการแชร์การปลอมนี้ไม่น่าสร้างผลกระทบต่อความมั่นคง ความสงบของประเทศ เพราะถือเป็นการแชร์ข่าวของคนๆ เดียว ซึ่ง พลเอกประวิตร ไม่ใช่ประเทศไทย เป็นเพียงแค่บุคคลหนึ่งในประเทศเท่านั้น และเป็นบุคคลสาธารณะ สามารถวิจารณ์ได้
แจงปม 'ศรีสุวรรณ' ร้องกกต. ยุบอนาคตใหม่ เพราะใส่ตำแหน่งใน สอท. ผิด
ส่วนประเด็นที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ไปร้อง กกต.ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่เนื่องจากมีการปลอมประวัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคนั้น ทางพรรคได้ชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว และมองว่าคนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ เลือกนายธนาธรนั้นคงไม่เลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.)
ส่วนประเด็นการมุ่งโจมตีกรณีนายธนาธร มีชื่อเข้าไปพัวพันถือหุ้นใน 2 บริษัท คือ บริษัท วัน โอ ซี ที่ถูก สำนักข่าวหนึ่งเขียนพาดพิงเปิดบริษัททำโรงเลื่อยบังหน้าตัดไม้ทำลายป่า นางสาวพรรณิการ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่เป็นข้อมูลความจริง เพราะเป็นบริษัทที่เปิดไว้ที่ประเทศลาว เพื่อรองรับธุรกิจส่วนตัว และเป็น sleeping company หรือ บริษัทที่ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ จึงมองว่าเรื่องนี้เป็นการพยายามทำลายชื่อเสียงนายธนาธร
สำหรับการเข้าถือหุ้น บริษัท ปิคนิก (picnic) ที่เคยเกิดปัญหาว่าเป็นหุ้นหลอกลวงประชาชนเมื่อปี 2446-2549 นั้นความจริงแล้วนายธนาธรได้เข้าไปซื้อหุ้นพร้อมกลุ่มทุน (ตระกูลศรีวัฒนประภา) เมื่อปี 2557 หลังจาก บริษัท ปิคนิก สามารถเคลียร์ปัญหาได้หมดแล้ว และได้มีการเข้ามาฟื้นฟูกิจการใหม่ ซึ่งนายธนาธรซื้อหุ้นไว้ โดยไม่ได้เข้าบริหารแต่อย่างใด และเมื่อปี 2560 ได้ขายหุ้นทั้งหมดไปแล้วก่อนเข้าสู่การทำงานด้านการเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :