เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ชี้แจงถึงเหตุการณ์เพลิ��ไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ในท่าเทียบเรือเอ 2 ว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. เกิดเหตุไฟไหม้ บริเวณหัวเรือ KMTC LINE ที่จอด ณ ท่าเทียบเรือ บริษัท ไทยแหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ที่เป็นสัญชาติ Republic of Korea เบื้องต้นมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว จำนวน 20 คน เกิดอาการผื่นคัน จำนวน 18 คน และ ผู้ได้รับผลกระทบจากการหายใจ จำนวน 2 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ที่เกิดเหตุกำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบต่อไป เบื้องต้น คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นตู้สินค้าทั่วไป เนื่องจากตามมาตรการด้านความปลอดภัยของท่าเรือแหลมฉบัง คือหากมีตู้บรรจุสารเคมีมาเทียบท่าจะต้องดำเนินการขนถ่ายไปยังคลังสินค้าอันตรายทันทีก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจึงจะดำเนินการตู้สินค้าปกติ
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ยกตู้สินค้าอันตรายที่จะลงในท่าเรือแหลมฉบังออกไปก่อนแล้ว โดยเรือ KMTC LINE ได้บรรทุกตู้สินค้ามา จำนวน 676 ใบ แต่มาลงที่ท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 463 ใบ ลงไปแล้ว 428 ใบ ยังเหลือ 35 ใบ ส่วนที่เหลือจะไปลงที่ท่าเรือยูนิไทย ฯ และท่าเรือที่เวียดนาม ซึ่งบนเรืออาจจะยังมีเรือตู้สินค้าอันตรายแต่ไม่ได้ลงที่ท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ยังพบว่า ชิ้นส่วนที่กระเด็นออกมาจากแรงระเบิดนั้นเป็นสินค้าปกติจำพวกพลาสติก ของเล่นเด็ก
เรือโทยุทธนา กล่าวต่อไปว่า หลังได้รับแจ้งเหตุระเบิด ทางท่าเรือแหลมฉบัง ได้ประสาน เทศบาลนครแหลมฉบัง ส่งทีมดับเพลิงและรถดับเพลิงเข้าพื้นที่ทันที ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมเพลิงอยู่ในขณะนี้ โดยเพลิงที่ลุกไหม้นั้นอยู่ใต้ระวางเรือซึ่งควบคุมได้ลำบาก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้นำโฟมมาฉีด เพื่อควบคุมไฟไม่ให้ลุกไหม้ต่อไป และอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตู้สินค้าดังกล่าวเป็นสารเคมีอันตรายนั้น จากการตรวจสอบพบว่าจุดที่เกิดระเบิดนั้นไม่น่าจะมีตู้สินค้าอันตรายตั้งอยู่ โดยเป็นเพียงตู้สินค้าทั่วไปเท่านั้น สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าของเรือและเจ้าของสินค้าที่ทำประกันภัยไว้จะเข้ามารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น รถยนต์ที่รอส่งออกที่ได้รับผลจากเขม่าจากควันไฟ ชาวบ้านที่เกิดอาการแพ้และคัน นอกจากนั้น เทศบาลนครแหลมฉบัง ได้จัดตั้งศูนย์ เพื่อรับเรื่องที่ประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว ที่สำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง และที่ชุมชนบ้านนา
คพ.เผยพบ 2 สารมีค่าเกินกว่าขีดจำกัด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ด้านกรมควบคุมมลพิษ พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง และปภ.ชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศ กรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อเวลา 11.00 น. เบื้องต้น พบว่า มีค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Total VOCs) อยู่ในช่วง 1.2-2.4 ppm ค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) อยู่ในช่วง 0.92-1.96 ppm ซึ่งมีค่าเกินกว่าค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน ระดับที่ 1 กำหนดค่า 0.9 ppm ซึ่งเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ และระคายเคืองตา
ทั้งนี้ เนื่องจากเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก อำเภอศรีราชาได้สั่งการให้อพยพประชาชนที่อยู่ใต้ลมไปยังจุดที่ปลอดภัย และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนที่ได้รับผลกระทบด้วยแล้ว หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
สำหรับสาร VOCs ย่อมาจาก Volatile Organic Compounds คือ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนใหญ่มักใช้เป็นสารประกอบและสารตัวทำละลายในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นก๊าซไม่มีสี จัดเป็นพิษที่ปนเปื้อนในอากาศที่เป็นปัญหาสุขภาพของมนุษย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยทั่วไปสารชนิดนี้นิยมใช้ในอุตสาหกรรมสี กาว และสารเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม้อัด และไม้แปรรูปอื่น ๆ หรือเกิดจากการเผาไหม้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :