พรรคก้าวไกล เปิดเผย 4 ข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า ในขณะที่ผู้คนทั้งประเทศให้ความสนใจกับข่าววิกฤตไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ยังมีพี่น้องชาวไทยในภาคเหนือที่กำลังมีอีกหลายเรื่องต้องกังวลในเวลาเดียวกัน โดยที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ พวกเขาได้รับความเดือดร้อนมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ ต้องสูดฝุ่นพิษ PM 2.5 ทุกวัน ทุกวินาที ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพรุนแรงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
พรรคก้าวไกล ไม่นิ่งดูดาย ส.ส.ภาคเหนือได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ทั้งในและนอกคณะกรรมาธิการวิสามัญ PM2.5 ที่พวกเราได้มีส่วนร่วมในสภา วันนี้ได้สรุปข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อเพื่อส่งต่อไปให้ภาครัฐรับไปดำเนินการต่อเร็วที่สุด เพื่อสวัสดิภาพของพี่น้องชาวภาคเหนือทุกคนที่กำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติฝุ่นและหมอกควันที่เรียกได้ว่า “ย่ำแย่ติดอันดับโลก” ในตอนนี้
ประการแรก รัฐบาลต้องกล้าสืบหาต้นตอ เราเรียกร้องให้รัฐบาลสืบหาสาเหตุของจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือและจุดความร้อนในเขตของประเทศเพื่อนบ้านบริเวณใกล้กับพรมแดน หากเป็นการเผาอันเกี่ยวเนื่องมาจากการลงทุนของบริษัทเอกชนสัญชาติไทย ก็อาจมีการเรียกบริษัทนั้นให้เข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกัน หรือหากการเผานั้นมีสาเหตุมาจากการลงทุนของบริษัทเอกชนต่างชาติ ก็อาจมีมาตรการกีดกันทางการค้าบางประการต่อบริษัทดังกล่าว เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพี่น้องชาวไทย
ประการที่สอง เหตุฉุกเฉินต้องใช้งบฉุกเฉิน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอนุมัติใช้งบกลางฉุกเฉินเร่งด่วน มาแก้ปัญหามลพิษทางอากาศจากหมอกควันภาคเหนือให้ทันต่อสถานการณ์ปัญหา และขอให้ภาครัฐเร่งเข้าช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก คนชรา และผู้ป่วยติดเตียงโดยด่วน โดยเบื้องต้นอาจเป็นการจัดหาและแจกจ่ายหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ได้ (หน้ากาก N95) รวมไปถึงการออกมาตรการสนับสนุนในช่วงที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยเด็ดขาด เช่น การจัดให้โซนปลอดภัย (safe zone) การจัดให้มีห้อง clean room กระจายไปอย่างทั่วถึง และอาจมีการสนับสนุนด้านราคาเครื่องฟอกอากาศให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ
ประการที่สาม ผู้ว่าฯ ต้องสามารถรับผิดชอบจังหวัดของตนเอง เรียกร้องให้รัฐบาลมีการแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยกำหนดให้ปัญหาฝุ่นและหมอกควันเป็นภัยพิบัติ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน สามารถอนุมัติเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้ โดยในส่วนของพรรคก้าวไกลจะมีการผลักดันเพื่อให้เกิด พ.ร.บ. อากาศสะอาด และจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับนิยามของสาธารณภัย โดยรวมเอาปัญหามลภาวะทางอากาศ เช่น ปัญหาฝุ่นและหมอกควัน เป็นสาธารณภัยตามกฎหมาย
ประการสุดท้าย แก้ปัญหายั่งยืนต้องร่วมมือกับคนในพื้นที่ เรียกร้องให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ชุมชนในเขตป่าได้มีส่วนร่วมในการจัดการกับปัญหาไฟป่า โดยอาจมีการบูรณาการรูปแบบ ความรู้ การบริหารจัดการไฟระหว่างหน่วยงานของรัฐ และภูมิปัญญาดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ในการร่วมแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน