ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มประชาชนผู้เสียหายจากสปายแวร์เพกาซัสเข้ายื่นหนังสือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบว่า หน่วยงานรัฐหน่วยงานใดเป็นผู้จัดซื้อ และสั่งให้มีการใช้สปายแวร์สอดแนมประชาชน

เมื่อเวลา 13.30 น. กลุ่มประชาชนผู้เสียหายจากสปายแวร์เพกาซัสเข้ายื่นหนังสือกับ ตัวแทนคณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้สปายแวร์เพกาซัสเพื่อสอดแนมล้วงข้อมูลส่วนตัวของผู้เห็นต่างทางการเมือง นักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงนักวิชาการในประเทศไทย หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือกับคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎรไป แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การยื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนดําเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานรัฐของไทย หน่วยงานใด จัดซื้อ และใช้งานสปายแวร์เพกาซัสอยู่ เพื่อละเมิดสิทธิของข้าฯ รวมทั้งกําลังใช้งานเทคโนโลยีนี้ต่อบุคคลอื่นอีกมากน้อย เพียงใด เพื่อวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเมื่อพบข้อเท็จจริงแล้วขอให้ออกหนังสือให้หน่วยงานดังกล่าวหยุดการใช้สปา แวร์เพกาซัสโดยไม่มีอํานาจตามกฎหมายในทันที

สำหรับ เพกาซัส เป็นสปายแวร์ที่มีราคาแพง และมีศักยภาพสูงที่สามารถล้วงข้อมูลทุกอย่างบนโทรศัพท์เป้าหมายได้โดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว โดยบริษัท NSO Group ผู้ขายเพกาซัสจะทําธุรกิจกับลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้น และจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลอิสราเอล ก่อนถึงจะสามารถซื้อขายได้ ที่ผ่านมาเพกาซัสได้กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกเนื่องจากมีการนําไปใช้กับผู้เห็นต่างทางการเมือง นักข่าว ไปจนถึงผู้นํารัฐบาล

ในประเทศไทย เริ่มมีการตระหนักถึงการใช้สปายแวร์ครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2564 เมื่อประชาชนไทยหลายสิบคนได้รับอีเมลแจ้งเตือนจากบริษัทแอปเปิลว่าไอโฟนของตนกําลังตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ (State- sponsored attackers may be targeting your iPhone) จากการตรวจสอบในภายหลังพบว่าการเจาะโทรศัพท์เกิดจากเพกาซัส

การสืบสวนการใช้งานเพกาซัสในประเทศไทยของไอลอว์ ดิจิทัลรีช และซิติเซนแลป พบว่ามีผู้เสียหายจากสปายแวร์ตัวนี้อย่างน้อย 35 คน โดยมีทั้งนักกิจกรรมทางการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักการเมือง ไปจนถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน การวิเคราะห์รายละเอียดการโจมตียังแสดงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเพกาซัสนั้นเลือกเจาะโทรศัพท์ในช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสําคัญ เช่น การชุมนุมทางการเมืองใหญ่ ในระหว่างปี 2563 ถึง 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการชุมนุม ของนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยและปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

ข้อเท็จจริงที่ว่าเพกาซัสจะถูกขายให้กับหน่วยงานรัฐเท่านั้น และรัฐบาลไทยเป็นผู้ที่มีแรงจูงใจและได้รับผลประโยชน์สูงสุดจาก การเจาะโทรศัพท์ผู้เห็นต่างทางการเมืองต่างบ่งชี้ไปว่าผู้อยู่เบื้องหลังต้องเป็นหน่วยงานในรัฐไทย นอกจากนี้ ยังปรากฏเอกสารการจัดซื้อ จัดจ้างของสํานักงานตํารวจแห่งชาติที่ต้องการซื้อสปายแวร์ที่มีคุณสมบัติเหมือนเพกาซัส รวมถึงการตอบคําถามของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลฯ ในสภาที่ยอมรับว่ามีเพกาซัสจริงในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการเปิดเผยเพกาซัสและอภิปรายในสภารัฐบาลก็ยังไม่มีมาตรการใดที่แสดงความจริงใจในการแสวงหา ความจริง การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเพื่อเป้าหมายทางการเมืองโดยใช้สปายแวร์ที่มาจากภาษีประชาชนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือให้หน่วยงานที่ทําหน้าที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบ โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งเรื่องให้กับสภาผู้แทนราษฎรให้แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว