นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ศบค.เห็นชอบปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ดังนี้
1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (แดงเข้ม)ปรับเป็นไม่มี
2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ปรับเป็นไม่มี
3.พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 68 จังหวัด ปรับเป็น 44 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น จันทบุรีฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราดตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมานครศรีธรรมราช น่าน บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุงเพชรบุรี มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอนยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรีศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการสมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรีสุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี
4.พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมไม่มี ปรับเป็น 25 จังหวัด ประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมินครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานีพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปางลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์และอุทัยธานี
5.พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ไม่มี
และ 6.พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า)เป็น 8 จังหวัดเหมือนเดิม ประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานีพังงาและภูเก็ต
ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.65 เป็นต้นไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการปรับมาตรการผ่อนคลาย กิจการและกิจกรรม 1.สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า หรือ สถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหาร สามารถบริโภคในร้านได้ แต่ต้องจำกัดจำนวนลูกค้าร้าน โดยร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ 50% และร้านไม่มีเครื่องปรับอากาศ 75% กำหนดเกณฑ์ผู้รับบริการ และผู้ให้บริการสามารถแสดงดนตรีได้ โดยมีผู้แสดงไม่เกิน 5 คนโดยต้องเว้นระยะห่าง และงดการติดต่อสัมผัสกับผู้ใช้บริการนักดนตรีจะต้องสวมหน้ากากอนามัย ทั้งนี้ สามารถเปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติแต่ไม่เกินเวลา 22.00 น.และยังคงห้ามบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) สามารถบริโภคอาหาร ในร้านได้เปิดตามปกติแต่ไม่เกินเวลา 23.00 น.แต่ห้ามบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
3.พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) สามารถบริโภคอาหารในร้านได้ตามปกติแต่ห้ามบริโภคสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.สามารถพิจารณากำหนดมาตรการ และเวลาเพิ่มเติมได้ ตามสถานการณ์ของพื้นที่ได้ รวมถึงสามารถจัดการประชุม จัดงานแสดงสินค้า และจัดงานอื่นๆได้ เช่น งานแต่งงาน ได้แต่ต้องไม่เกิน 1,000 คน
4.พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) และ 5.พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว)และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว(สีฟ้า) สามารถบริโภคอาหารในร้านได้และเปิดได้ตามปกติ
ส่วนมาตรการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ปรับมาตรการการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านหรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกันในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมบริโภคได้ถึงเวลา 21.00 น.ปรับเป็นไม่เกิน 23.00 น. แต่ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID Free Setting
ส่วนมาตรการ Work from Home จากเดิมกำหนดถึงวันที่ 31 มกราคม ที่ประชุมเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงมีมติไม่ขยายเวลาต่อ แต่ให้เป็นไปตามความเหมาะสม โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถพิจารณาได้เอง
นอกจากนีิ้ ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานกาณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 16 ที่อีก 2 เดือน หรือ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 31 มี.ค. 2565.