วันที่ 16 ก.พ. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายถึงการแต่งตั้งข้าราชสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 5 คนรวด 

โดย วิษณุ ยืนยันว่า การแต่งตั้ง ปปง.ไม่เหมือนกับบุคลากรอื่นของรัฐที่จะต้องมีการนำชื่อเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ก่อนที่จะตั้งแต่งต้องผ่านคณะกรรมการสรรหาก่อน ซึ่งต้องเข้าพิจารณาในการประชุมของสมาชิกวุฒิสภา เพราะเป็นตำแหน่งพิเศษเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาตั้งคณะกรรมการสอบประวัติ จากนั้นจึงนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกวุฒิสภา และยึดตามมติที่ประชุม และยืนยันว่าไม่มีอะไรลับลมคมใน 

ส่วนการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เป็นเลขาธิการ ปปง. โดยใช้อำนาจตามคำสั่ง ม.44 เพราะขณะนั้นยังแก้กฎหมาย ปปง.ไม่แล้วเสร็จ จึงต้องอาศัยอำนาจตามคำสั่ง ม.44 ในการแต่งตั้ง ขณะที่กรณีแต่งตั้ง พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ที่ขณะนั้น เป็นรองเลขาธิการ ปปง. ขึ้นเป็นเลขาธิการ ปปง. ซึ่งผ่านการพิจารณาตามขั้นตอน รวมไปถึงการตรวจสอบประวัติของวุฒิสภา และที่ประชุมวุฒิสภา 

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับคดีตู้ห่าว ในขณะนั้นยังไม่มีการปรากฏข้อมูลใดๆ จนกระทั่งพ้นจากการเป็นเลขาธิการ ปปง. และได้ถูกแต่งตั้งจากกรรมการ ปปง.ให้เป็นประธาน ปปง.ซึ่งก็ได้ทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนความเกี่ยวโยงกับคดีตู้ห่าวนั้นก็ต้องมีการตรวจสอบกันต่อไป ขณะเดียวกันในชั้นของวุฒิสภาได้มีการฝากข้อสังเกตมายังรัฐบาล เช่น ไม่ควรตั้งเลขาธิการ ปปง. ไปเป็นกรรมการ ปปง.เป็นต้น 

วิษณุ ยังได้ชี้แจงที่ถูกพาดพิงในฐานะที่เป็นรองนายก รัฐมนตรีและกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ หน้าที่เพื่อแลกกับการทำหน้าที่ประธานเปิดประชุม วันสถาปนาหน่วยงานนั้น ยอมรับว่าได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล ปปท. เมื่อมีงานวันสถาปนาตนเองก็ต้องไปเป็นประธาน รวมถึงมอบโล่รางวัลให้แก่ข้าราชการดีเด่น 

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงงดกิจกรรม และตนเองก็ไม่เคยโทรเข้าไปในสำนักงานนั้น และเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสถาปนาฯ ตนก็ไม่ได้ไปร่วมงาน มีเพียงการบันทึกเทปอวยพรระยะเวลา 6 นาที ซึ่งไม่ได้มีเหตุหรือพฤติกรรมที่แลกกับผลประโยชน์ จึงขอชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย 

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ย. 2565 ตนมีราชการที่ประเทศออสเตรเลีย และเกิดอาการป่วยกระทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล โดยแพทย์ระบุว่าเป็นโรคไตต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน และส่งตัวกลับมายังประเทศไทยเพื่อผ่าตัดหน้าท้องและเดินสายฟอกไต จนถึงปัจจุบันก็ยังฟอกไตอยู่ แบบนี้ติดต่อกันมา 5 เดือนเศษแล้ว ตนจึงไม่สามารถมาชี้แจงได้ในวันอภิปรายทั่วไปวันแรก (15 ก.พ.)