ษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีปัญหาแต่งตั้งอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ ว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการประชุมที่จะมีการทักท้วง รวมไปถึงมีการตั้งข้อสังเกตซึ่งก็เคยเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตถึงรายชื่อหนึ่งที่มีการนำเสนอมา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ผู้เป็นเจ้าของเรื่องไม่ได้เข้าร่วมการประชุม มาเพียง สุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ซึ่งเป็นผู้ปกครองบังคับบัญขา มีสิทธิที่จะทักท้วงเป็นธรรมดา เพื่อที่จะไปหารือกับรัฐมนตรีต่อไป พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อถามถึงอำนาจในการแต่งตั้งเป็นของใคร วิษณุ อธิบายว่า ปกติเป็นของรัฐมนนรีว่าการฯ เพราะเมื่อมีการตั้งรัฐมนตรีช่วยจะมีการแบ่งงานให้ทำ แต่จะยกเว้นเรื่องการบริหารงานบุคคล เช่นเดียวกับนายกรัฐมตรี ที่งดเว้นการบริหารงานบุคคลเมื่อมอบหมายงานให้กับรัฐมนตรี ทุกอย่างก็จะกลับขึ้นไปที่นายกรัฐมนตรีฉันใด รัฐมนตรีว่าการมอบงานให้รัฐมนตรีช่วยอำนาจก็จะกลับไปที่รัฐมนตรีว่าการฉันนั้น ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการเป็นผู้บงนามและส่งเรื่องเข้ามาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จึงต้องยึดถือตามนั้น เว้นแต่เปลี่ยนใจขอดึงกลับ แต่บังเอิญรัฐมนตรีว่าการไม่มาและติดต่อไม่ได้ จึงเกิดความลังเลว่าจะทำอย่างไร
เมื่อที่ประชุมเหลือเพียง สุนทร มาเพียงคนเดียวแล้วทักท้วง ครม.ก็จะต้องรับฟัง แต่จะตัดสินใจเด็ดขาดเอาตามท่านคงไม่ได้ ครม.มีอำนาจให้ดึงกลับเพียงบางรายได้แต่ไม่มีอำนาจเปลี่ยนตัวบุคคล เนื่องจากต้องตั้งต้นจากกระทรวงขึ้นมา พร้อมกับระบุอีกว่าการแต่งตั้ง การแต่งตั้งข้าราชการที่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการในกระทรวงมีอยู่เพียงหนึ่งเดียว คือปลัดกระทรวง ส่วนตำแหน่งอธิบดี ปลัดกระทรวงจะเป็นคนตั้ง ตามกระบวนการ แต่ขณะนี้ได้ชะลอเอาไว้ก่อนเพื่อรัฐมนตรีว่าการเพื่อความชัดเจน ซึ่งจะกลับมาหารืออีกครั้งในการประชุม ครม.ครั้งหน้า 3 ม.ค.2566 ก่อนจะย้ำว่าการทักท้วงไม่ใข่เรื่องแปลกประหลาด ไม่ใช่เรื่อง 3 ป.ตีกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการยืนยันตามหนังสือที่ส่งมาก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาหารือในที่ประชุมครม.อีกครั้ง
ขณะที่การจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติทสัตว์ป่า และพันธุ์พืช วิษณุ กล่าวว่า เมื่อมีการแจ้งเบาะแสต่อ ป.ป.ช. และ ปปป.ได้รายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ปปง. ปปท. และ ศอตช. นำไปสู่การจับกุมหลักฐาน ไม่ไส่มารถพูดได้ว่า 100% ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามให้เอาตัวมาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดี และให้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สะดวก เรียบร้อย ไม่มีข้อครหา คำสั่งมีผลตั้งแต่วันนี้
ส่วนจะถึงขั้นให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่นั้น วิษณุ ระบุว่า การจะปลดออก ไล่ออกต้องดำเนินการสอบทางวินัย และมีข้อมูลชัดเจนมากกว่านี้ แต่ขณะนี้เป็นการเอาตัวออกมาก่อน ถือเป็นการลงโทษไปแล้ว 50%
ขณะที่ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ถึง กรณี วรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจจนเสียชีวิต นั้น วิษณุ บอกว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและยาวนาน ซึ่งเป็นกระทู้ถามของ ส.ส.พรรคก้าวไกล อยู่หลายครั้ง ซึ่งรายงานสุดท้ายที่รัฐบาลได้รับคืออดีตรองอัยการสูงสุดถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว แต่เป็นการได้บำเหน็จบำนาญ ขณะเดียวกันก็มีการลงโทษอัยการอีกคน จึงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้ารวมถึงตำรวจที่ติดตามคดีนี้
ทั้งนี้ วิษณุ ยอมรับว่า มีหลายคดีที่หมดอายุความแต่เป็นคดีเล็กๆ แต่คดีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายยังไม่หมดอายุความ ยังอีกยาว ส่วนจะสามารถเอาตัวกลับมาได้หรือไม่ ตนไม่ทราบแต่คงต้องปรากฎตัวสักวัน จะดำดินอยู่ได้อย่างไร เมื่อเปลี่ยนสมัย ผบ.ตร.ครั้งหนึ่งก็ต้องเตือนกันครั้งหนึ่ง