คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิตต์ ก้องธรนินทร์ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และทีมงานลงพื้นที่เขตสะพานสูง เขตบางกะปิ เพื่อมอบถุงยังชีพ-ข้าวสาร และเปิดจุดบริการข้าวกล่องให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมพูดคุยเพื่อให้กำลังใจ และสอบถามถึงมาตรการเยียวยาของภาครัฐ ว่าดำเนินการทั่วถึง ครอบคลุมบุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนหรือไม่
โดยนายวิตต์ พร้อมประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดพื้นที่บริการข้าวกล่อง เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน หลังมีเสียงสะท้อนถึงความยากลำบาก ซึ่งจากการสอบถามยังพบว่า ประชาชนในพื้นที่ ที่ยุติการทำงานในช่วงที่เกิดโรคระบาด ปัจจุบันถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก แม้ธุรกิจบริการสถานที่ทำงาน ที่เคยประกอบอาชีพจะเริ่มกลับมาให้บริการแล้วก็ตาม นอกจากนี้ประชาชนในพื้นที่ ยังระบุในทิศทางเดียวกันว่า การเปิดจุดบริการอาหาร หรือการมอบถุงยังชีพและข้าวสาร ยังมีความจำเป็นที่ควรทำต่อเนื่อง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนและการขาดรายได้ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ แม้สถานการณ์ของโรคระบาดเริ่มคลี่คลาย
ไม่ต่างจากพื้นที่บ้านเอื้ออาทร เขตบางกะปิ ซึ่งนายตรีรัตน์และคุณหญิงสุดารัตน์ ลงพื้นที่แจกข้าวสาร กว่า 500 ชุด พร้อมรับฟังเสียงสะท้อน ของประชาชน ซึ่งได้ทราบข้อเท็จจริงไม่ต่างกันว่าประชาชนกำลังเดือดร้อนจากปัญหาหลักที่มาจากการขาดรายได้
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุภายหลังการลงพื้นที่ว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้องกำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประชาชนทุกหย่อมหญ้า รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการใน 3 เรื่องหลักคือ
1) เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาลที่ให้ปิดเมือง ปิดกิจการ
2) เร่งช่วยเหลือธุรกิจรายย่อย SMEs ก่อนธุรกิจเหล่านี้จะหมดลมหายใจ
3) เร่งปลดล็อก เปิดเมือง เปิดกิจการอย่างปลอดภัย โดยให้มีข้อกำหนดทางสาธารณสุขที่ชัดเจน “ยิ่งปลดล็อกช้า เศรษฐกิจยิ่งสาหัส”
ดังนั้นต้องชั่งงน้ำหนัก ในการออกมาตรการในการควบคุมโรคให้เหมาะสม กับความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังเป็นปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะในขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ลดลงอย่างมาก จึงถึงเวลาที่จะปลดล็อก เปิดให้โอกาสประชาชนกลับมาทำมาหากินได้ ถึงวันนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไปอีก
เว้นแต่จะนำเรื่องการระบาด มาเป็นข้ออ้างโดยรัฐบาลอาจห่วงความมั่นคงของตัวเองมากเกินไปจึงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือ จะเห็นได้จากการปิดกั้นการแสดงออกในโอกาสครบรอบ6 ปีรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับโรคติดต่อ วิธีการเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาใหม่และความขัดแย้งในสังคมเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทย อยู่ระหว่างการประชุมหารือ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาและจะมีการพูดคุยในช่วงเสาร์อาทิตย์ถึงแนวทางการอภิปราย พระราชบัญญัติกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท พร้อมจะนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไปพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร หลังรัฐบาลสั่งปิดกิจการ จนประชาชนได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะมีประเด็นที่น่าจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการกู้เงินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ที่สำคัญคือเรื่องการขออนุมัติโดยใช้พ.ร.ก.เงินกู้ กลับไม่มีรายละเอียดของโครงการอย่างชัดเจน แล้วสภาฯจะสามารถพิจารณาได้อย่างไร อย่าคิดว่าสภาผู้แทนราษฎร เป็นสภาตรายางเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น การออก พ.ร.ก.ในลักษณะเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยจึงไม่เชื่อมั่นประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันยังกังวลว่า การที่ไม่มีความชัดเจนจึงมีความเสี่ยงว่าจะเกิดการทุจริตได้
อ่านเพิ่มเติม