คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ แผนการใช้เงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ต้องถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเยียวยาต้องทั่วถึงรวดเร็ว การฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องตรงเป้า และที่สำคัญคือ ต้องลงทุนใน "โครงสร้างพื้นฐาน" ให้ธุรกิจไทยสามารถยืนอยู่ได้ในโลกใหม่ที่มี New Normal หลัง โควิด-19 แต่เรายังไม่เห็นรัฐบาลยมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ รวมทั้งไม่มีแผนการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท มาลงทุนในการเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจไทยสามารถเดินต่อได้ และมีศักยภาพในการแข่งขันในโลกหลังโควิด-19 แต่อย่างใดเลย
อย่างไรก็ดีขอย้ำว่า เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท เป็นการกู้ครั้งมโหฬารมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นเงินกู้ที่คนไทยทุกคนต้องเป็นลูกหนี้ และเป็นผู้ใช้หนี้ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน การใช้เงินกู้ก้อนนี้รัฐบาลจึงต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและไร้การทุจริต เพื่อช่วยประชาชนอย่างจริงใจ จริงจัง รวดเร็ว และฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึง เพื่อผลักดันให้ธุรกิจไทยเดินต่อได้ และต้องใช้เงินกู้อย่างโปร่งใส ไร้ทุจริต ไม่ใช่ใช้เพื่อทุ่มแจกเงินแบบเพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น
แม้ว่าวันนี้จะมีเงินกู้ 600,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาประชาชน แต่พบว่าการช่วยเหลือยังไม่ครบถ้วน ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวถือเป็นหนี้ของประชาชน ทำไมการจ่ายเงินคนจนถึงยากลำบากและล่าช้า รวมถึงโครงสร้างด้านสาธารณสุขที่ยังไม่เห็นการนำเงินกู้ เข้ามาเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพ จึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพื่อประโยชน์งในเชิงรับและรุก เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นการเตรียมความพร้อม หากมีการกลับมาระบาดใหม่ ของ โควิด-19 หรือในอนาคตอาจมีการระบาดของโรคอุบัติใหม่ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีหลังนี้ เราจะได้มีความพร้อมในการดูแลสุขภาพของประชาชน
"ดิฉันไม่เห็นวิสัยทัศน์ หรือแผนงานการลงทุนด้านโครงสร้างด้านสาธารณสุข จากรัฐบาลในขณะนี้เลย ว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจไทย ยังเดินไปต่อได้ในโลกหลัง โควิด-19 ที่ต้องมี New normal ใหม่" ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุทิ้งท้าย
'ชลน่าน' ชี้รัฐบาลคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะกลัวนักศึกษาลุกฮือ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลไม่ยอมที่จะคลายล็อกดาวน์ ว่า ปัจจัยหลักคือความกลัว และเป็นภาวะจำยอมที่จะต้องทำเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เสพติดอำนาจ ที่ผ่านมามีการใช้อำนาจพิเศษมาโดยตลอด เมื่อมาถึงเวลานี้รัฐบาลไม่กล้าที่จะคลายล็อก เพราะพล.อ.ประยุทธ์ไม่คุ้นชินกับการบริหารประเทศ โดยไม่มีอำนาจพิเศษในมือ ดังนั้นที่สุดแล้วรัฐบาลอาจจะยกเลิกเคอร์ฟิว แต่จะไม่ยกเลิกพระราชบัญญัติการบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างแน่นอน เพราะกลัวขบวนการนักศึกษาและประชาชน ที่ทนไม่ไหวกับรัฐบาลออกมาเรียกร้องให้ลาออก ซึ่งเป็นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ยอมไม่ได้ ที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
'สมคิด' จี้รัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร
ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ได้คัดค้านรัฐบาลกรณีตั้งเงื่อนไขในการเยียวยาภาคเกษตร เพราะหากประชาชนคนไหน เป็นเกษตรกรต้องได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ข้าราชการที่เป็นเกษตรกรอาจจะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล นั้นมองว่าไม่ควรเพราะเป็นการรับเงินซ้ำซ้อน และข้าราชการมีเงินบำเหน็จบำนาญไม่ได้เดือดร้อน ดังนั้นการเยียวยาเกษตรกรนหากต้องการข้อมูลข้อเท็จจริงควรให้องค์กรท้องถิ่นนำเสนอข้อมูล รวมทั้งข้อมูลจากธนาคารเพื่อการเกษตรละสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. มีข้อมูลเกษตรกรทุกคนทั่วประเทศ ไม่ต้องไปลงทะเบียนใหม่ เพราะข้อมูลเดิมมีอยู่แล้ว แค่สำรวจและยึดข้อเท็จจริง เชื่อว่าไม่เกิดปัญหาและไม่มั่วอย่างแน่นอน
"ชาวนา 3.9 ล้านครอบครัว ถ้ารัฐบาลแน่จริงจ่ายให้เลยอย่ามาตั้งเงื่อนไข เพราะปัจจุบันเกษตรกรเริ่มไถหว่านแล้ว เกษตรกรต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมาไถที่นา เพราะปัจจุบันต้องใช้รถไถนา เกษตรกรหลายคนเป็นหนี้ไปแล้ว รอเงินจากรัฐบาลเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ดังนั้นเวลานี้รัฐบาลจะทำอะไรต้องรีบทำ อย่าดึงเวลาจนสร้างปัญหาให้ประชาชนอย่างหลายโครงการที่ผ่านมาของรัฐบาล" นายสมคิด กล่าว
ชี้ รัฐบาลไม่ควรตีกิน บนความทุกข์ยากของประชาชน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า การที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ตัวเลขสะสมของผู้ติดเชื้อลดลง มีผู้ที่รักษาหายมากขึ้น มาจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ 1. ความร่วมมือและการเสียสละของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ 2.คุณภาพบุคลากรสาธารณสุขไทย 3.ระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งของไทย 4.สภาพอากาศร้อนทำให้การระบาดของโรคไม่รุนแรงเช่นในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือที่อยู่ในช่วงฤดูหนาว
แม้ยังไม่มีวัคซีนแต่คนไทยมีภูมิคุ้มกันตระหนักรู้ในการป้องกันตนเอง ให้รอดพ้นจากการติดเชื้อ ไม่เชื่อว่าจะมีการติดเชื้อหนักระลอกที่ 2 หากทุกคนเสียสละ ร่วมแรง ร่วมใจกันป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโควิด-19 จึงไม่ควรมีใครฉวยเอาความเสียสละ ความเดือดร้อน ทุกข์ยากของประชาชนไปตีกินทางการเมือง เมื่อเปิดการประชุมสภาฯ สมัยสามัญ พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะร่วมกันตรวจสอบ พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทอย่างใกล้ชิด
"คนไทยโชคดีจาก 4 ปัจจัย ที่ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รัฐบาลไม่ควรลิงโลดจนเกิดสภาพย่ามใจ ตีกินทางการเมือง ฉวยเอาความสำเร็จจากการเสียสละ ความเดือดร้อน ทุกข์ยากของประชาชน มาอ้างเป็นผลงานของตัวเอง" นายอนุสรณ์ กล่าว
อ่านเพิ่มเติม