ไม่พบผลการค้นหา
จับผู้ต้องหาปากรรไกรใส่บ้าน 'อังคณา นีละไพจิตร' ได้แล้ว พบเป็นชายอายุ 44 ปี ตร.สันนิษฐานอาจเมา และไม่มีใบรักษาอาการป่วยจิตเวชเตรียมส่งฟ้องวันนี้

ความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกใช้กรรไกรปาหน้าบ้านพักของ อังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน คณะทำงานด้านการบังคับสูญหายโดยไม่สมัครใจ องค์การสหประชาชาติ(UN Human Rights Expert- WGEID) โดยเมื่อคืนวันที่ 14 เมษายน 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว พบว่าเป็นชายอายุ 44 ปี อาศัยอยู่ในเขตพระนคร. 

ขณะที่อังคณาให้สัมภาษณ์หลังจากเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.บางยี่เรือว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดตนเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งตนว่าผู้ต้องหาเป็นชายอายุ 44 ปี อาศัยอยู่ในเขตพระนคร โดยพบว่าประมาณตี 4 ชายคนดังกล่าวเดินอยู่แถววงเวียนใหญ่เรื่อยมาจนถึงอิสรภาพ และยังไม่รู้ว่าชายคนก่อเหตุเอากรรไกรมาจากไหน รวมถึงการค้นบ้านของชายคนดังกล่าวพบกระเป๋าผ้าสีอ่อน กางเกงสามส่วน รองเท้า ไม่พบเสื้อสีเข้มมีตัวเลข ๙ ที่ใส่วันเกิดเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสันนิษฐานว่าวันเกิดเหตุอาจชายคนก่อเหตุอาจเมา และวันนี้ พนส. จะนำผู้ต้องหาส่งอัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาล

เบื้องต้นต้องขอบคุณตำรวจ สน. บางยี่เรือ ที่ดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ดี แต่สิ่งที่อยากทราบคือแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ ว่าทำไมจึงเจาะจงเอาวัตถุมีคมมาปาที่บ้านหลังนี้ การสันนิษฐานว่าทำไปเพราะเมา ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเมาจริงหรือไม่ และมีอาการเมาจากอะไร เพราะภาพจากกล้องก็ดูเดินเป็นปกติไม่เหมือนคนเมาที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือมึนเมาจากสารเสพติด และที่กังวลที่สุดคือหากวันเกิดเหตุมีการใช้ของมีคมทำร้ายคนที่อยู่บริเวณนั้น ความสูญเสียจะมากมายกว่าความสูญเสียทางทรัพย์สิน

“การที่มีคนสามารถถือของมีคมเดินไปมาบนทางสาธารณะได้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชน ที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ” อังคณาระบุ

ด้าน พ.ต.อ.ดุสิต วาลีประโคน ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในคดีที่เกิดขึ้นนี้คนร้ายทำอะไรผิดเราก็จับส่งคดีฟ้องศาลไม่มีอะไรที่แปลกแตกต่างจากปรกติ เหมือนกับคดีทั่วไป ส่วนที่จะระบุถึงสภาพจิตของผู้ก่อเหตุ หากจะบอกว่าผู้ก่อเหตุเป็นบ้าหรือไม่เป็นคนบ้าต้องมีใบยืนยันจากโรงพยาบาลว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่ซึ่งตรงนี้เราก็ยังตรวจไม่พบ ในสถานการณ์ตรงนี้เขาก็คือคนปรกติ มันมีพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด มีรายละเอียดในจุดเกิดเหตุมีความชัดเจนในจุดนี้ที่เป็นข้อเท็จจริงซึ่งสิ่งนี้เราก็จะไปว่ากันในสำนวน ตามขั้นตอนต่อไปก็เราก็ส่งอัยการเพื่อส่งฟ้อง ถ้าพยานหลักฐานพอศาลก็จะรับฟ้องผู้ต้องหา

577805.jpg