ไม่พบผลการค้นหา
ครอบครัว “สยาม ธีรวุฒิ” หนึ่งในผู้ลี้ภัยการเมือง พร้อมทนายความ เข้าเรียกร้อง กสม. ตรวจสอบความคืบหน้ากรณีทางการเวียดนามส่งตัวกลับไทย ด้าน “แม่” เผยยังหวั่นใจลูกมีชีวิตหรือไม่ เหตุไม่ได้รับการยืนยันจากทางการสองประเทศ

ยังคงไม่ปรากฎความเคลื่อนไหว จากกรณีมีรายงานว่า ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ช่วงหลังรัฐประหาร ปี 2557 อย่างน้อย 3 คน ถูกจับกุมที่ประเทศเวียดนามก่อนถูกส่งตัวให้ทางการไทย และไม่มีรายงานการคืบหน้าว่าพวกเขาถูกนำตัวไปที่แห่งใดหรือได้รับอันตรายหรือไม่ ซึ่งในแวดวงของนักกิจกรรมทางการเมือง ในโลกเชียลมีเดียได้แสดงความกังวลว่าจะเกิดกรณีถูกทำให้สูญหาย ซ้ำรอยนายสุรชัย แซ่ด่าน และผู้ติดตาม ที่พบเป็นศพและสูญหายขณะที่ลี้ภัยการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ 

ล่าสุดวันนี้ (13 พ.ค.) นางกัญญา-นายเสถียร ธีรวุฒิ บิดาและมารดาของนายสยาม ธีรวุฒิ หนึ่งในผู้ลี้ภัยที่ยังไม่ทราบชะตากรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) พร้อม น.ส.ภาวินี ชุมศรี จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว โดยมีนางอังคณา นีละไพจิตร เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

DSC02585.JPG

โดยนางกัญญา ระบุว่าเบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานและชุดข้อมูลชัดเจนว่ามีการจับกุมจริงหรือไม่ ขณะนี้ทราบเพียงรายงานตามที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดีย และมีเพื่อนโทรมาบอกว่านายสยามถูกจับในการปลอมแปลงหนังสือเดินทางที่ประเทศเวียดนาม และวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการส่งตัวมาที่ประเทศไทยจึงติดต่อไปยังกองบังคับการปราบปราม แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว 

จึงอยากให้มีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่ามีการควบคุมตัวหรือไม่ เมื่อถามถึงการติดต่อล่าสุดนายสยามได้ติดต่อกับน้องเมื่อช่วงปีใหม่ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยส่วนตัวตอนนี้อยากรู้ว่านายสยามอยู่ที่ไหน ทำไมถึงมีการปล่อยข่าวการจับกุมออกมา 

“ตอนนี้เป็นห่วงลูก คิดถึงลูก จะผิดยังไงต้องดำเนินการตามที่ผิด และก็ไม่มั่นใจว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ เพราะตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทั้งทางการไทยหรือทางการเวียดนาม” มารดาของผู้ลี้ภัย กล่าว

อย่างไรก็ดี นางกัญญาเล่าต่อว่า เมื่อปี 2558 มีตำรวจมาตามจับและแจ้งว่านายสยามโดนคดี 112 และความผิดมาตรา 116 จากการเล่นละคร ในวันที่ 6 ตุลาคม เรื่อง ‘เจ้าสาวหมาป่า’ และยังคงมีการมาติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรว��ตลอดและสอบถามทางครองครัวว่านายสยามมีแนวคิดหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ 

DSC02596.JPG

ด้านทนายภาวินี ได้ให้ข้อมูลกับ กสม. ว่าก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ยื่นเรื่องที่กองปราบฯ แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลของบุคคลทั้งสาม และยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเข้ามาในราชอาณาจักรหรือไม่ จึงไม่สามารถลงบันทึกว่าเป็นผู้สูญหายได้ โดยเจ้าหน้าที่กองปราบ ได้แนะนำให้ติดต่อไปที่กระทรวงต่างประเทศ ทั้งนี้อยากให้ กสม.ตรวจสอบว่ามีการจับกุมจริงหรือไม่ และมีการควบคุมตัวจริงหรือไม่ และทางการไทยต้องคุ้มครองสิทธินายสยามตามกระบวนการยุติธรรม และต้องเปิดเผยสถานที่หากมีการควบคุมตัวจริง

ขณะนางอังคณา กล่าวว่า เบื้องต้น ทาง กสม.จะรับเรื่องไว้ และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุม ซึ่งทาง กสม.เองก็จะดำเนินการตามกระบวนการและกลไกของอำนาจที่พึงกระทำได้ 

ทั้งนี้ ทางครอบครัวของนายสยามและทนายความ จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเวียดนามและกระทรวงต่างประเทศแห่งสหภาพยุโรปในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าต่อไป

สำหรับบรรยากาศการเข้ายื่นหนังสือที่หน้าสถานทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 นาย นักกิจกรรม อาทิ ศรีไพร นนทรี กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต ,ชลธิชา แจ้งเร็ว กลุ่มฟื้นฟูประขาธิปไตย และตัวแทนจากไอลอว์ ร่วมสังเกตการณ์ โดยเบื้องต้นทางการเวียดนามได้รับเอกสารและจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะรายงานความคืบหน้าต่อผู้เรียนในภายหลัง

ครอบครัวสยาม ยื่นหนังสือ กสม.และสถานฑูตเวียดนาม

โดยเนื้อหาของการยื่นหนังสือให้ตัวแทนสถานทูต เป็นข้อเรียกร้องเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าว ว่าทีการจับกุมนายสยามในข้อหาปลอมแปลงเอกสารการเดิงทางหรือไม่ และถูกจับกุมวันที่เท่าไหร่ รวมถึงนายสยามถูกควบคุมตัวโดยทางการเวียดนามหรือไม่ และจะสามารถติดต่อได้อย่างไร อย่างไรก็ดีหากไม่มีการควบคุมตัวโดยทางการเวียดนาม ขณะนี้ได้มีการส่งตัวให้ทางการไทยหรือไม่ และขอทราบถึงกระบวนการในการส่งตัวให้ทางการไทยอย่างไร โดยเฉพาะการส่งตัวกลับตามกฎหมายเข้าเมือง

“ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะดูแลคนไทยตามสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายระหว่างประเทศ และจะไม่ส่งตัวผู้ใดที่เป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้แสวงหาที่พักพิงกลับประเทศ หากว่าผู้นั้นจะกลับไปอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกปราบปราม อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และหวังว่าข้าพเจ้าจะได้รับความร่วมมือด้วยดีจากท่านในฐานะประชาคมโลก”

ทั้งนี้ แก้วใส วงสามัญชน และกลุ่มนักกิจกรรมได้ร่วมกันร้องเพลง “ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ” เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการคัดค้านดำเนินคดีทางความคิด จนนำไปสู่การบังคับให้สูญหายต่อผู้เห็นต่าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :