ไม่พบผลการค้นหา
สื่อญี่ปุ่นเกาะติดการลงพื้นที่หาเสียงของ 'ธนาธร' หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก จึงประเมินว่าเขาอาจจะเป็นม้ามืดในการเลือกตั้งครั้งสำคัญของไทยในวันที่ 24 มี.ค.

นิกเกอิเอเชี่ยนรีวิว สื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจการเมืองของญี่ปุ่น เผยแพร่รายงานสถานการณ์ทางการเมืองไทย Young Thai billionaire emerges as potential kingmaker in election เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 อ้างอิงการลงพื้นที่หาเสียงในกรุงเทพฯ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยทีมงาน ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระหว่างวันที่ 12-13 ก.พ. 2562 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมา คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี หรือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย คิดเป็นร้อยละ 8.1 และผู้สนับสนุนนายธนาธรคิดเป็นร้อยละ 6.6 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 7.5 ระบุว่าสนับสนุนผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ คิดเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีผู้สนับสนุนมากที่สุด คือ ร้อยละ 9.3 ขณะที่อันดับ 3 คือ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีหัวหน้าพรรคและสมาชิกคนสำคัญเป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทหารของไทย คิดเป็นร้อยละ 7.0

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้สื่อญี่ปุ่นจับตามองธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ว่าอาจจะเป็น 'ม้ามืด' ซึ่งจะมีผลสำคัญต่อทิศทางการเมืองไทยภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในวันที่ 24 มี.ค.2562 พร้อมระบุว่า การประกาศนโยบายต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการสนับสนุนการกระจายอำนาจและการตัดงบประมาณกองทัพ ได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงเดิมของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

สื่อญี่ปุ่นระบุด้วยว่า เกษตรกรจำนวนมากในภูมิภาคนี้รู้สึกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในช่วงเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร

ธนาธร

ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นประชาชนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าพรรคอนาคตใหม่ได้รับการสนับสนุนมากเป็นอันดับ 2 คือ ร้อยละ 21.2 รองจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคะแนนร้อยละ 44.8 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ ได้รับคะแนนจากผู้ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 7.4 เท่านั้น

ส่วนปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่น่าจับตามอง คือ เขาได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบ 50 ล้านคนทั่วประเทศ ประกอบกับภาพลักษณ์ที่ติดดินของธนาธร ตรงข้ามกับฐานะที่ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าเขาเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย ทั้งยังมีทักษะการใช้สื่อสังคมออนไลน์เชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ได้ดี

อย่างไรก็ตาม ธนาธรยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง และอาจถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะฝ่ายกฎหมายของ คสช. แจ้งความเอาผิดธนาธรและสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีกรายหนึ่ง ในฐานะผู้เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ วิพากษ์วิจารณ์พาดพิง คสช.

นอกเหนือจากธนาธร นิกเกอิเอเชี่ยนรีวิวยังกล่าวถึงพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อและประชาชนจำนวนมาก หลังจากพรรคยื่นเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่กลับทำให้พรรคเสี่ยงที่จะถูกยุบ เพราะถูกกล่าวหาว่ากระทำการไม่เหมาะสม ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง แต่ทั้งสองคดียังอยู่ในกระบวนการพิจารณา

ทั้งนี้ นิกเกอิเอเชี่ยนรีวิวได้นำรายงานดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อในเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากร่วมแสดงความคิดเห็นท้ายรายงาน โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วนระบุว่า ธนาธรนั้น 'เด็กเกินไป' ที่จะเป็นนายกฯ ขณะที่บางส่วนมองว่าเขาเป็นเพียง 'นายทุน' อีกคนหนึ่งที่กระโดดเข้ามาเล่นการเมือง ไม่ต่างอะไรจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และบางรายบอกว่าเขาเป็นพวกฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายและ 'ไร้เดียงสา'

ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มองว่าธนาธรเป็นบุคคลน่าสนใจและมีอุดมการณ์ที่ชัดเจน มองว่าเขาอาจจะไม่รอดจากการดำเนินคดีที่ผลักดันโดย คสช.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: