ไม่พบผลการค้นหา
เจสัน มราซ นักร้องและนักดนตรีชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลแกรมมี่สองปีซ้อน กลายเป็นข่าวอีกครั้งโดยไม่ได้เกี่ยวกับผลงานเพลงชุดใหม่ แต่เป็นเพราะเขาไปทำหน้าที่ 'บาริสต้า' เสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าในเมืองซานดิเอโกเป็นครั้งแรก

ร้าน 'Bird Rock Coffee Roaster' หรือ BRCR ในเมืองซานดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา เป็นร้านกาแฟที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ เกี่ยวกับกาแฟด้วย ทั้งยังประกาศตัวสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์และสินค้าออร์แกนิกของเกษตรกรในท้องถิ่น

ล่าสุด BRCR จัดกิจกรรมให้บาริสต้าชื่อดังมาเสิร์ฟกาแฟให้กับลูกค้า แต่บาริสต้าที่ว่ามีชื่อเสียงในแวดวงดนตรีมากกว่าจะเป็นคนดังในแวดวงกาแฟ เพราะเขาคือ 'เจสัน มราซ' นักร้อง-นักดนตรีชาวอเมริกัน ผู้เคยได้รับรางวัลแกรมมี่ 2 ปีซ้อนเมื่อปี 2009-2010 และถูกโหวตให้เป็นนักร้องชายขวัญใจมหาชน หรือ 'พีเพิลส์ชอยส์อวอร์ด' เมื่อปี 2013 

จุดเด่นอีกอย่างนอกเหนือจาก 'มราซ' ที่ร้านนี้พยายามโฆษณาขายก็คือ เมล็ดกาแฟ 'เกชา' หนึ่งในสายพันธุ์กาแฟราคาแพงติดอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งถูกนำมาปลูกและเก็บผลิตผลออกจำหน่ายได้เป็นครั้งแรกในเมืองซานดิเอโกตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้ก็เป็นผลผลิตจาก Mraz Family Farm ซึ่งเป็นกิจการหนึ่งของครอบครัว 'เจสัน มราซ' นั่นเอง

ราคากาแฟที่ชงจากเมล็ดพันธุ์เกชาตกอยู่ที่แก้วละ 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,050 บาท เมื่อเทียบกับราคากาแฟดำทั่วไปที่ขายตามร้านที่ไม่ใช่แฟรนไชส์ในสหรัฐฯ อยู่ที่แก้วละ 2.5 ดอลลาร์ หรือประมาณ 75 บาท ก็บอกได้ว่าราคากาแฟเกชานั้นแพงกว่ากาแฟธรรมดาหลายเท่า เพียงแต่กาแฟสายพันธุ์นี้แพงด้วยตัวของมันเอง ไม่ใช่แพงเพราะคนดังมาเป็นบาริสต้าให้

ลูกค้าของร้าน BRCR หลายรายมาที่ร้านช่วงสุดสัปดาห์ โดยระบุว่า เพื่อจะมารับเมล็ดกาแฟเกชาบรรจุถุงขนาด 4 ออนซ์ ซึ่งพวกเขาสั่งเอาไว้ล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ของร้าน และคอกาแฟเหล่านี้อยากชิมว่ากาแฟเกชาที่ปลูกในท้องถิ่นซานดิเอโกนั้นมีรสชาติเป็นอย่างไร ส่วนการที่เจสัน มราซ มาเสิร์ฟกาแฟให้ถือว่าเป็น 'ผลพลอยได้' มากกว่า แม้จะมีคอกาแฟบางคนบอกกับสื่อว่า "จริงๆ ก็รู้สึกปลื้ม" โดยลูกค้าชายรายหนึ่งระบุว่า ตอนที่เขาแต่งงาน เขาและแฟนเลือกเพลงของมราซไปเล่นในงานแต่งด้วย

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ผนึกกำลัง

สิ่งสำคัญที่สุดของกิจกรรมคนดังชงกาแฟอยู่ที่การประกาศความสำเร็จของเครือข่ายเกษตรกรท้องถิ่นในสหรัฐฯ เพราะเมล็ดกาแฟเกชานี้เป็น 'ผลผลิตล็อตแรก' ของกาแฟ 15 สายพันธุ์จากทั่วโลกที่นำมาทดลองปลูกในไร่ต่างๆ ของเกษตรกรในแคลิฟอร์เนียเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ผู้ที่ริเริ่มแนวคิดนี้ คือ 'เจย์ รัสกี' เกษตรกรไร่กาแฟและผู้ก่อตั้งบริษัท Frinj Coffee ซึ่งอยู่เบื้องหลังเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในสหรัฐอเมริกา โดยมองว่าการผลิตสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อการบริโภคในท้องถิ่นสหรัฐฯ เกิดขึ้นนานแล้ว เพราะช่วยประหยัดค่าขนส่ง ทั้งยังลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการขนส่งสินค้า แต่คนอเมริกันจำนวนมากยังนิยมบริโภคกาแฟนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่ากาแฟที่ปลูกเองในประเทศ 

รัสกีจึงพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์กาแฟ รวมถึงเป็นผู้ส่งเสริมการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าสำหรับเพาะปลูก รวมถึงเมล็ดกาแฟเกชา 1 ใน 6 สายพันธุ์ย่อยของกาแฟอาราบิกาที่มีชื่อเสียงในแวดวงกาแฟทั่วโลก และส่งเสริมให้ฟาร์มต่างๆ ในแคลิฟอร์เนียหันมาปลูกกาแฟภายในท้องถิ่นกันอย่างจริงจัง และหนึ่งในฟาร์มที่ทดลองปลูกก็คือกิจการของครอบครัว 'เจสัน มราซ' ซึ่งปลูกกาแฟเกชาแซมไปกับอะโวคาโดและเสาวรส ตั้งแต่ปี 2015 จนกระทั่งได้ผลผลิตล็อตแรกออกมาวางจำหน่ายในปีนี้

แม้กาแฟเกชาจากฟาร์มของครอบครัวมราซจะมีราคาต่อแพ็กเกจ (ขนาด 4 ออนซ์) สูงถึง 199 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5,970 บาท แต่ก็มีลูกค้าจับจองเป็นเจ้าของกันหลายรายโดยเลือกได้ว่าจะมารับสินค้าด้วยตนเองที่ร้าน BRCR ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งกระจายสินค้าให้ฟาร์มต่างๆ ที่ปลูกกาแฟ หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ตามสะดวก 

รากเหง้ากาแฟแพง 'เกชา' หรือ 'เกอิชา' กันแน่?

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า กาแฟเกชาที่ปลูกและเก็บเกี่ยวในซานดิเอโกสำเร็จเป็นครั้งแรกได้รับใบการันตีเรื่องคุณภาพจากสถาบันประเมินคุณภาพกาแฟของสหรัฐฯ โดยกาแฟเกชาจากฟาร์มของมราซได้คะแนน 94 เต็ม 100 โดยพิจารณาจากน้ำหนัก กลิ่น และรสชาติ 

ส่วนเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ 'เกชา' เป็นที่ต้องการของคอกาแฟเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการนำกาแฟเกชาที่ปลูกในปานามาไปร่วมประมูลครั้งแรกเมื่อปี 2004 และได้ราคาสูงถึงปอนด์ละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ

หลังจากนั้น เมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้ก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้รับคำชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแแฟ ซึ่งระบุว่า เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ให้กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ เช่น ดอกมะลิ และผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน เช่น พีช ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เมล็ดกาแฟอื่นๆ ไม่อาจเปรียบได้ และเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กาแฟเกชาได้รับราคาประมูลสูงสุด ตกปอนด์ละ 1,029 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 30,870 บาท โดยที่ปอนด์หนึ่งเท่ากับ 450 กรัม

อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เมล็ดกาแฟสายพันธุ์เกชา ไม่ได้มีต้นกำเนิดที่ปานามา แต่ถูกพบครั้งแรกที่ประเทศเอธิโอเปียเมื่อปี 1930 หลังจากนั้น นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษได้นำเมล็ดพันธุ์กาแฟนี้ไปทดลองปลูกที่เคนยา แทนซาเนีย และปานามา ซึ่งในตอนแรก เกษตรกรไร่กาแฟไม่ค่อยนิยมปลูกกาแฟสายพันธุ์นี้ เพราะกิ่งเปราะกว่ากาแฟอาราบิกาสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ แต่ความคิดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่กาแฟเกชาประสบความสำเร็จในการประมูลผลผลิตกาแฟเมื่อปี 2004 และมีราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงปัจจุบัน

ตอนแรกกาแฟสายพันธุ์นี้ถูกเรียกว่า 'เกอิชา' เพราะนักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษระบุไว้ในเอกสารภาษาอังกฤษว่า Geisha แต่ทำให้คนจำนวนมากในยุคหลังสับสนว่ากาแฟพันธุ์นี้เกี่ยวข้องกับ 'เกอิชา' ซึ่งหมายถึงนักแสดงดนตรีและเต้นรำในวัฒธรรมญี่ปุ่นหรือไม่ แต่มีผู้ไปสืบค้นต้นทางของกาแฟสายพันธุ์นี้ จนนำไปสู่ความกระจ่างว่าภูมิภาคเกชาในเอธิโอเปียเมื่อครั้งอดีต คือต้นกำเนิดของกาแฟสายพันธุ์นี้ จึงมีความพยายามรณรงค์ให้เรียกกาแฟสายพันธุ์นี้ว่า 'เกชา' และสะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า Gesha Coffee แทน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: