ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการควบคุมกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อปกป้องสังคมจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย และต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชนด้วย

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารเฟชบุ๊ก เผยแพร่บทความที่ตีพิมพ์ลงในวอชิงตันโพสต์ลงในเฟชบุ๊กเพจส่วนตัว โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเป็นผู้มีบทบาทในการควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของประชาชน โดยซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการปกป้องชุมชนให้มีความปลอดภัย ซึ่งเขาเชื่อว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่กำกับดูแลต้องมีบทบาทมากขึ้นในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต 

ซักเคอร์เบิร์กย้ำว่า รัฐบาลจะต้องธำรงรักษาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ประชาชน ทั้งเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และสำหรับผู้ประการในการสร้างใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องสังคมจากอันตรายที่มากขึ้นในเครือข่ายสังคมออนไลน์


ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องเข้ามากำกับดูแลมี 4 ประเด็น อันได้แก่ เนื้อหาที่มีอันตราย เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ความเป็นส่วนตัวของประชาชน และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่สะดวกราบรื่น เพื่อเป็นการปกป้องประชาชนจากข้อมูลข่าวสารที่มีจำนวนมหาศาลและมีขอบเขตที่กว้างมากขึ้น

ในบทความของซักเคอร์เบิร์กยังระบุด้วยว่า บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตควรจะมีความรับผิดชอบต่อการกำกับดูแลเนื้อหาที่เป็นอันตราย แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะลบเนื้อหาที่เป็นอันตรายทั้งหมดออกจากอินเทอร์เน็ต "แต่เราต้องหาแนวทางที่เป็นมาตรฐานในการดูแลและควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"

นอกจากนี้ ซักเคอร์เบิร์กยังเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายควบคุมการโฆษณาที่มีเนื้อเชิงการเมืองในอินเทอร์เน็ต ซึ่งที่ผ่านมา เฟชบุ๊กได้รับผลกระทบจากโฆษณาที่มีเนื้อหาแทรกแซงการเมืองช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 โดยซักเคอร์เบิร์กระบุว่า กฎหมายมีความสำคัญต่อการปกป้องการเลือกตั้ง และควรมีการปรับปรุงเพิ่มเติม ขณะที่เฟชบุ๊กก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาที่มีเนื้อหาเชิงการเมืองแล้ว 

นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2559 เฟซบุ๊กถูกกล่าวหาว่าไม่มีความพยายามมากพอในการหยุดยั้งการเผยแพร่ข่าวปลอมและการใส่ร้ายคู่ขัดแย้งทางการเมืองทั่วโลก รวมถึงการหยุดยั้งข้อความที่แสดงออกถึงความเกลียดชังต่อคนบางกลุ่ม เช่น ชาวโรฮิงญา จนทำให้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญายิ่งเลวร้ายลง

เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านม าเฟชบุ๊กออกมาแถลงว่าจะไม่อนุญาตให้มีการนำเสนอเนื้อหาที่สนับสนุนชาตินิยมผิวขาวและการแบ่งแยกผิวสี ซึ่งนโยบายดังกล่าว เฟชบุ๊กแถลงหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่คนร้ายชาวออสเตรเลียบุกเข้าจู่โจมมัสยิดในนิวซีเเลนด์และมีผู้เสียชีวิตถึง 50 คน

ที่มา CNBC / The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง