ไม่พบผลการค้นหา
เฌอเอม ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 ควงผู้จัดการส่วนตัว ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ประเด็นร้อนแรงวงการนางงาม ยืนยันไม่สละสิทธิ์จากการประกวด ให้กองเป็นฝ่ายพิจารณา

จากกรณี ผู้บริหารกองประกวด มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 (Miss Thailand Universe 2020) โดยมีผู้จัดการ หรือ พี่เลี้ยง ผู้เข้าประกวด เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ หนึ่งในตัวเต็งนางงามปีนี้ แฝงตัวเข้าไปเป็นทีมงานกองประกวด ทำให้รู้ความเคลื่อนไหว และข้อมูลภายใน และเกิดคำถามตามมาว่าเป็นการเอาเปรียบผู้เข้าประกวดอีก 29 คน หรือไม่ โดย ปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 อยากให้ตัวนางงามเป็นแสดงสปิริตสละสิทธิ์เอง เพื่อความยุติธรรมกับผู้เข้าประกวด 29 คน

ความคืบหน้าเรื่องนี้ ล่าสุด เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ พร้อมด้วย เคน-สิทธิชัย เร็ววิโรจน์ และทนายนิด้า-ศรัณยา หวังสุขเจริญ ได้ร่วมกันแถลงข่าว ต่อกรณีดังกล่าว โดย เคน เปิดใจคนแรกว่า เขามีอาชีพผู้จัดการศิลปิน สอนเต้น สอนออกกำลังกาย ทำฟรีแลนซ์  เข้าไปในกองประกวดในฐานะฟรีแลนช์ เคยเข้าประชุม 3 ครั้ง และไม่เคยนำข้อมูลมาบอกนางงาม ถ้าบอกว่าเป็นมิจฉาชีพตามที่อีกฝ่ายโพสต์เป็นข้อๆ คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เพราะมีแหล่งที่มาของรายได้ ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร ซึ่งตรงนี้ส่งผลกระทบกับเฌอเอมมากที่สุด

“หลายๆ คนเริ่มรู้จักในกรณีนี้ เราเป็นคนมีอาชีพผู้จัดการศิลปิน ในเรื่องที่เขาบอกว่าเป็นมิจฉาชีพ คือคนไม่มีงาน หลอกเงินคนไปเรื่อย แต่เรามีอาชีพการงาน และเรื่องที่เขาบอกเป็นข้อๆ เราไม่ได้เป็นพนักงาน เป็นฟรีแลนด์ ถ้าจะมาบอกว่าเราเป็นมิจฉาชีพ มันไม่แฟร์ เราไม่เคยเบียดเบียดและหลอกลวงเงินใคร และเรื่องนี้มีผลกระทบถึงน้อง ไม่แฟร์กับเราและน้อง สุดท้ายถูกคลื่นถาโถม แต่คนที่โดนเยอะคือน้อง อยากให้เห็นใจน้องนิดนึง ผู้ดูแลสปอนเซอร์ ไม่มีการเซ็นสัญญากับกองครับ เข้าไปในฐานะฟรีแลนช์ การประชุมไปแค่ 3 ครั้ง ไม่ได้เอาข้อมูลมาบอกน้องเลย เราไม่ได้ดูแลน้อง เป็นคนดูคิวและขายงานให้น้อง เราไม่ได้แจ้งกองครับ ไม่ได้ปกปิด และใส่เบอร์ปกติ และเดินไปหาน้องให้เรื่องเกิด ถ้าจะปกปิดเรื่องในวันนี้ไม่เป็นเรื่องแน่นอน วันที่เราไปหาพี่ปุ้ย เรารู้อยู่เต็มอกว่าเราดูแลเป็นสปอนเซอร์ชิพของกองประกวด แล้วระหว่างเก็บตัว เฌอเอมหันซ้ายหันขวา ทำงานเหนื่อยเริ่มไม่ไหว น้องจึงอยากให้เรามาสนับสนุน จึงตัดสินใจเข้าหาผู้ใหญ่ หาแนวทางแก้ไข แต่เราไม่ได้รับฟีดแบ็กอะไรเลย”

จากนั้น เฌอเอม เริ่มเปิดใจว่า ก่อนอื่นขอชี้แจง 4 คำที่ ใช้ในวงการบันเทิง ได้แก่ โบรกเกอร์ คือ นายหน้าหางาน กลัยาณมิตร คือ เพื่อนพี่น้องหยิบยืม ให้ความช่วยเหลือกัน พี่เลี้ยง ขอโฟกัสที่พี่เลี้ยงนางงาม ที่ดูแลทุกอย่างของการประกวด และผู้จัดการ คือ คนที่เราตกลงให้จัดการเรื่องชีวิต หมายความว่า เขาต้องรู้ทุกเรื่อง ทุกอย่างของเรา จนกว่าจะเลิกสัญญาจ้าง ดังนั้นพี่เคนเป็นเพียงแค่โปบรกเกอร์เท่านั้น อาจมีความคลุมเครือบ้าง เพราะบางคนรวบความหมายไปด้วยกัน ต้องขอโทษความผิดพลาดด้านการสื่อสาร ยอมรับว่าตอนแรกมีพี่เลี้ยงอีกคน แต่ยกเลิกไป เพราะเขาไม่มีประสบการณ์ จึงตัดสินใจไปต่อด้วยตนเอง เพราะเริ่มชอบการประกวดแล้ว

ส่วนที่เกิดคำถามว่า อาจได้ข้อมูลในกองประกวดมาตอบคำถามรอบออดิชั่น นางงามสาวมั่นบอกว่า ขอยืนยันด้วยชีวิตว่าไม่เคยเห็นคีย์เวิร์ดมาก่อน และพี่เคนก็ไม่เคยบอกอะไร เนื่องจากไม่ได้สนิทกันมาก ส่วนใหญ่คุยกันเพียงแต่เรื่องงานที่ติดต่อมา

เฌอเอม บอกต่อว่า เรื่องที่กองประกวดบอกให้สละสิทธิ์บอกตรงๆ ว่าตกใจ เพราะไม่ได้คุยไว้ก่อน พูดแค่แง่ปัญหาสุขภาพ ที่เธอไม่อยากล้มลงในกองประกวด หรือล้มต่อหน้าสื่อ

"ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อยากจะเดินในวันไฟนอลพร้อมกับเพื่อนอีก 29 คน เราเริ่มมาพร้อมกันสิ่งสำคัญมันไม่ใช่มงกุฎที่อยู่บนหัว แต่มันคือการได้เดินไปถึงเป้าหมาย แล้วมันก็คือการแสดงความขอบคุณต่อทุกคนที่สนับสนุนและทำให้เอมมาอยู่ในจุดนี้ได้ เพราะเอมเดินไปพร้อมกับความรักของคนมากมาย วันนั้นเราพูดกับเขาเท่านี้ เพราะฉะนั้นสละสิทธิ์หรือไม่มันง่ายมากแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำเท่านั้นเอง แต่เอมไม่ต้องการที่จะสละสิทธิ์ทีโดยที่ไม่ได้ชี้แจงอะไรเลยเพราะที่ผ่านมาเอมก็อจากบอกว่าเอมมีเรื่องที่อยากพูด และมันเกิดการฟังความข้างเดียวขึ้นค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าทุกคนได้ฟังหมดแล้ว ต้องขอบคุณกองที่ให้เอมได้ออกมาแถลงข่าว เอมขอให้กองเป็นผู้พิจารณาการสละสิทธิ์ของเอมก็แล้วกันค่ะ"

เฌอเอม กล่าวอีกว่า ขอแจ้งเรื่องปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้สายตาหนัก หรือจากอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น มันทำให้เธอต้องพิมพ์เป็นจดหมายแล้ว และต้องส่งให้กองด้วย แต่เบื้องต้นกองขอจดหมายพร้อมใบรับรองแพทย์ ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนเป็นจดหมายที่ไม่มีใบรับรองแพทย์ ดังนั้นจึงไมแน่ใจว่าหากหลักฐานทางการแพทย์ของเธอไม่ได้รับการเปิดเผย ใบสละสิทธิ์หรือแม้แต่เหตุผลของเธอ มันจะกลายเป็นหลักฐานเลื่อนลอยเท่านั้น จึงตัดสินใจที่จะไม่ส่งจดหมายไปเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.)

เฌอเอม.jpg

ต่อคำถามว่า มองว่ากองบีบให้สละสิทธิ์หรือไม่ เฌอเอม กล่าวว่า มันเป็นการเข้าใจผิด แต่หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงหลังจากสัมภาษณ์วันนี้ คำว่าสละสิทธิ์ สิทธิ์ครึ่งหนึ่งอยู่กับเธอ และอีกครึ่งหนึ่งอยู่กับกอง

"ถ้าเรา สละให้ 100 เปอร์เซ็นต์เราก็เหลือศูนย์ แต่ถ้าเขาตัดเราก็เหลือศูนย์เหมือนกัน เขาคงบีบให้เราสละไม่ได้ หรือเขาให้เราสละไม่ได้ จุดนี้ผู้ใหญ่จะตัดสินใจอย่างไรในสิทธิ์ของเอม ขอให้มาจากทางฝั่งผู้ใหญ่"

เมื่อถูกถามว่า ยังยืนว่า วันประกวดรอบตัดสินอยากขึ้นเวทีกับเพื่อนๆ เฌอเอม บอกว่า อันนี้ต้องแล้วแต่ทางกองประกวดจะกรุณา จะให้พื้นที่เธอหรือไม่ เธอไม่ต้องการผ่านเข้ารอบ ไม่ต้องการตอบคำถาม ไม่ได้ต้องการเป็นผู้ชนะตั้งแต่ต้น การชนะที่แท้จริงคือการได้ทำอะไรที่เราต้องการทำเพื่อสังคม และทำเต็มที่ และถ้าได้เดินรอบตัดสิน ก็คือการชนะแล้ว การเดินวันนั้นคือสิ้นสุดการเดินทางทั้งหมดของเธอ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่า เรื่องดังกล่าวจะมีการเคลียร์กับอีกฝ่ายได้อย่างไร เฌอเอม บอกว่า ต้องเริ่มจากการพูดคุยกัน 

"แม้เอมจะเป็นเด็ก แต่ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามเช่นกันในกรณีนี้ และไม่ถือสาหาความ และขอโทษกองจากความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น เอมเชื่อว่าการที่เราชกหน้าคนนึง เขาชกเรากลับ มันคือการตีกันไปมา ไม่สิ้นสุด การที่จะหยุดความรุนแรงต้องมีฝ่ายหนึ่งให้อภัยก่อน เรื่องชื่อเสียงที่เสียไป หนูเริ่มต้นมาจากการไม่มีอะไรเลย ต่อให้หนูประกวดจนจบแล้วไมได้ตำแหน่ง วันรุ่งขึ้นหนูคือคนธรรมดา ไม่เกี่ยวกับว่าหนูมีชื่อเสียงหรือไม่มี เอมไม่ได้ทำงานอะไรเลย ห่อนหน้านี้เอมอยู่ในกอง แต่ชีวิตส่วนตัวมีหลายคนที่คอมเมนต์ด่าทอ และคำพูดกระทบคนรอบข้างเอม ถ้าความผิดอยู่ที่เอม ถ้าคิดว่าไม่ถูกต้อง อยากให้ลงกับเอม ไม่ใช่ไปลงกับคนรอบตัวที่เอมรัก เขาไม่ควรมารับผิดชอบในเรื่องนี้ เอมไม่ได้คุยกับที่บ้าน ส่วนนึงเขาจะเครียดมาก เอมเป็นลูกหลง ทำงานตรงนี้ ดูแลตัวเองมาตลอด ดูแลตัวเองในเรื่องการงานตลอด ถ้าเป็นไปได้ ขอความเมตตาให้กับเอม และคนรอบข้างของเอม"

ท้ายการแถลงข่าว เฌอเอม ได้กล่าวขอบคุณคนที่เชียร์ และให้กำลังใจเธอต่อเนื่อง โดยบอกว่า จากนี้ไปขอให้จดจำเธอในฐานะคนธรรมดา ที่ได้มีโอกาสสร้างแรงบันดาลใจ ให้ใครหลายๆ คน และขอบคุณกองประกวด ที่ให้โอกาสเธอแถลงข่าววันนี้ เพราะถ้าไม่มีคำตอบจากกอง เธอคงไม่กล้าทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ถือว่ากองได้ให้ความยุติธรรมกับเธอแล้ว

"อยากบอกคนที่เชียร์ ขอบคุณที่อยู่กับหนูมาตลอด อยากให้จดจำเอมในฐานะคนธรรมที่ได้มีโอกาสสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ไม่ใช่ว่าเราไม่พิจารณาถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ถ้าเรายังเดินหน้าต่อ ไม่ใช่ว่าเราปฏิเสธอดีต ปัจจุบัน แต่เป็นเพราะเราคิดว่าสิ่งที่เราจะทำมันดีขึ้นได้ โดยการสรรสร้างสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต และทำสิ่งที่ดีต่อไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเสมอ ไม่ว่าวันนี้เราเป็นใครหรืออะไรก็ตาม เพราฉะนั้นต่อจากนี้ไป แม้จะสิ้นสุดในฐานะผู้เข้าประกวด แต่เอมจะขอให้เสียงของเอม ภูมิปัญญาของเอมให้เป็นประโยชน์ แม้น้ำหนักของโลกทั้งใบจะกดลงตรงบ่าของเอม แต่เอมก็จะทำต่อไป แม้ว่ามันจะทรมานและหายใจไม่ออก เอมอยากจะสู้แม้รู้ว่าไม่ได้อะไรเลย เพราะวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบกับตัวเรามากเหลือเกิน หนูอยากสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา ที่คงไม่เจ็บปวดอีกแล้ว"

"กับกองประกวด ขอบคุณที่ให้โอกาสแถลงข่าววันนี้ เพราะถ้าไม่มีคำตอบจากกอง เอมคงไม่กล้าทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เนื่องจากว่าเราไม่มีคู่สัญญา เมื่อได้รับการยืนยัน ถือว่ากองได้ให้ความเป็นธรรมกับเอมแล้ว ที่นี่ไมได้มีเฉพาะคนในกอง มีสื่อมากมาย มีคนดูเอมอยู่ หากเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ คือการตัดสินจากคนหมู่มาก มันเป็นการตัดสินของเวลาและการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคตค่ะ" เฌอเอม กล่าวทั้งน้ำตา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: