นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ระบุว่า การที่อดีตแกนนำ, สมาชิกและผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเทคะแนนให้กับพรรคการเมืองอื่น รวมถึงการรณรงค์ให้โหวตโน อาจเข้าข่ายความผิดฐานชี้นำหรือครอบงำผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาและมอบหมายให้เลขาธิการ กกต.ตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนข้อเท็จจริง
โดยผู้ที่กระทำการรณรงค์อาจมีความผิดที่ชัดเจน ต่างจากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่ถูกเทคะแนนให้ที่อาจไม่เข้าข่ายความผิด แต่ทั้งนี้ต้องไปดูในข้อเท็จจริงกรณีที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองอื่นขอให้เทคะแนนให้นั้นจะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนจะมีโทษไปถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่นั้นในขั้นนี้ยังไม่สามารถตอบได้
ประธาน กกต. กล่าวต่อว่า กรณีนี้เป็นความปรากฏต่อ กกต.และมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนแล้ว กกต.สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาสืบสวนไต่สวนได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง ซึ่งในอนาคตหากมีการกระทำที่ปรากฏในจังหวัดอื่น กกต.ก็สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้เช่นกัน
ส่วนข้อกังวลว่าการเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำและผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ อาจนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยนั้น มีหน่วยงานของรัฐที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายอิทธิพร ยังเป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรปฐมนิเทศพนักงานสืบสวนและไต่สวนและนิติการระดับปฏิบัติการ จำนวน 31 คน ซึ่งเป็นหลักสูตรเร่งรัดเพื่อให้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมนี้
โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญในการทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้ง หรือการกระทำที่ขัดแย้งกับกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายซ้ำซากต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
ขณะเดียวกันยังมีหน้าที่ในการให้ความรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยขอให้ร่วมมือกันเสริมสร้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนนำไปสู่ความสงบสุขของบ้านเมือง
ประธาน กกต. กล่าวย้ำว่า ขณะนี้อยู่ในสถานการณ์การจัดการเลือกตั้ง ถือเป็นภารกิจหลักของ กกต. ซึ่งเป็นที่คาดหวังของสังคมที่อยากเห็นการเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งพนักงานที่เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานสำคัญครั้งนี้ ขอให้มีความภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่