วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ 48 ส.ว.เข้าชื่อเสนอญัตติ ต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอมติเห็นชอบต่อที่ประชุมรัฐสภา ให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่มีเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ถ้าหากมีการยื่นตีความ จะทำให้การพิจารณาของสภาล่าช้า ซึ่งถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วตีตกก็ไม่มีผล แต่ถ้าศาลรับไว้พิจารณาหรือวินิจฉัย ว่าขัดรัฐธรรมนูญต้องไปดูรายละเอียด และยังไม่รู้ว่าจะยื่นตีความในประเด็นใด เพราะยังไม่ได้นำเข้าที่ประชุมรัฐสภา จึงนึกไม่ออก ว่าจะร้องในประเด็นใด แต่ถ้าสภาพิจารณารับหลักการ แล้วยื่นตีความ สามารถทำได้ แต่กรณีนี้ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมาอย่างไร

ขณะที่ คำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว "Kamnoon Sidhisamarn " โดยมีใจความว่าด้วยร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 7 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 17 - 18 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ตนได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชนเข้าชื่อ หรือที่เรียกกันว่า ‘ร่าง iLaw" เมื่อได้อ่านร่างของทั้ง3ฝ่าย ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ร่างคล้ายกันไม่แตกต่างกันมาก แต่ในร่างที่7 นอกจากแก้ไขมาตรา 256 และตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ส.ส.ร.แล้ว ยังมีหลักการแก้ไขมาตราอื่นๆ รวมอยู่ในร่างเดียวกันด้วยอีก โดยในบางประเด็นจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นสถานการณ์อันน่าวิตกของบ้านเมือง

ซึ่งในประเด็นที่เจอมีเรื่องของการ นิรโทษคดีทุจริต ที่มีการให้ยกเลิกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะมีผลเสมือนเป็นการนิรโทษกรรมคดีทุจริตในทางปฏิบัติ ด้วยเหตุการยกเลิกดังกล่าวก็จะทำให้ประเทศจะตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศไม่มีกฎหมายและกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างน้อย 5 - 6 เดือน ทั้งนี้ในร่างที่7 มีการให้เหตุผลของที่จะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่โดยสรุปเจตนารมณ์ คือการรื้อถอนอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นหลัก

ดังนั้น ตนยืนยันว่าจะโหวตรับหลักการร่าง 1 ร่าง 2 แก้ไขมาตรา 256 และตั้งส.ส.ร. รวมทั้งร่าง 4 (ตัดอำนาจส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ) แน่นอน แต่กับร่าง 7 ตนเห็นด้วยกับบางหลักการเท่านั้น แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมของทั้งร่างแล้ว ไม่อาจโหวตรับหลักการร่าง 7 ได้ และย้ำว่าตนเห็นด้วยและจะโหวตเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแน่นอน แต่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายที่เสมือนเป็นการนิรโทษคดีทุจริตและทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสุญญากาศไร้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตครึ่งค่อนปี