ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาพรวมการอภิปรายในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตลอดทั้งวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ส.ส.ซีกรัฐบาลและ ส.ว.ต่างอภิปรายคัดค้านเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับภาคประชาชน และโจมตีไอลอว์ที่รับเงินทุนจากต่างประเทศซึ่งอาจมีผลต่อการครอบงำการเมืองไทยได้ พร้อมทั้งวิจารณ์ว่าเนื้อหาจะไม่สามารถแก้ไขให้ขัดต่อหลักการได้ในวาระที่สอง ส.ว.ส่วนใหญ่อภิปรายไม่เห็นด้วยและจะลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ฝ่ายค้านอภิปรายสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชน ยืนยันจะโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ
สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ฝ่ายค้านเหลือผู้อภิปรายประมาณ 7 คน โดยมีเวลาเหลือ 1 ชั่วโมง 30 นาที ขณะที่รัฐบาลเหลือเพียง 55 นาที และ ส.ว.เหลือเวลาการอภิปรายอีกเล็กน้อยเท่านั้น โดยจะอภิปรายต่อในเวลา 09.30 น. และคาดว่าจะอภิปรายเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายจากนั้นก็จะลงมติแบบขานชื่อรายบุคคล โดย 1 คนจะลงมติ 7 ร่างพร้อมกัน ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลได้ในเวลา 17.00-18.00 น.
โดยเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 7 ฉบับ จะได้เสียงสนับสนุนให้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการเพียง 2 ฉบับเท่านั้น คือร่างรัฐธรรมนูญ ที่เปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ของฉบับฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งจะมี ส.ส.ของรัฐบาลและฝ่ายค้านให้ความเห็นชอบ ประมาณ 480 เสียง และได้เสียงจาก ส.ว.จะลงมติเห็นชอบให้เกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกที่มีอยู่โดยไม่น้อยกว่า 82 เสียง ซึ่งจะทำให้ร่างทั้ง 2 ฉบับผ่านวาระที่ 1 ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านอีก 4 ฉบับและร่างของภาคประชาชนจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา
ทั้งนี้ขั้นตอนการลงมติในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการต้องมีเสียงของ ส.ส.และ ส.ว.เห็นชอบไม่น้อยกว่า 366 เสียง จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 732 คน (ส.ส.487 คน ส.ว.245คน) และต้องมี ส.ว.ลงมติเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่หรือไม่น้อยกว่า 82 เสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง