เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 10 ม.ค. 2565 ดร.ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse ในหัวข้อ ผู้นำต้อง คนที่ “ทำอย่างแบด”จนประชาชน “แซดอย่างบ่อย” จะได้ไปต่อไหม โดยช่วงแรก โทนี่ ได้กล่าวถึงช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ ซึ่งได้ไปจัดงานฉลองที่ฮ่องกง และประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งพบว่า การเคาท์ดาวน์ที่ประเทศเกาหลีใต้ไม่ได้จัดงานใหญ่โต เนื่องจากเพิ่งผ่านโศกนาฏกรรมที่อีแทวอน รวมถึงประเทศเกาหลีใต้มีการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ทั้งในแง่ ศิลปิน และละครโทรทัศน์ หรือแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในเมืองไทยนั้นก็สามารถทำอะไรได้อีกเยอะ แต่รัฐบาลต้องขยันหน่อย
นอกจากนั้น โทนี่ ยังได้เปิดเผยหลังพูดคุยกับนักธุรกิจในเกาหลีใต้ว่า นัักธุรกิจส่วนใหญ่เป็นห่วงเศรษฐกิจ เนื่องจากธนาคารโลกประเมินว่า 1 ใน 3 ของประชากรจะเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเรื่องการส่งออกของประเทศไทย ตลาดการส่งออกในประเทศไทยจะหดตัวลง รวมถึงดอกเบีี้ยในสหรัฐอเมริกาอาจจะพุ่งสูงขึ้น 5% ทำให้เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น รวมถึงหนี้ครัวเรือนจะสูงขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งราคาพลังงานที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ทั้งนี้ ประเทศไทยจะได้อานิสงค์ในเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะคนทั่วโลกอัดอั้นกับการไม่ได้เดินทางมาเที่ยว นั่นทำให้ แบรนด์ชาแนล (Chanel) และกุชชี่ (Gucci) ที่วางขายในสยามพารากอนมียอดขายติด 5 อันดับของโลก
โทนี่ กล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวอินเดีย และชาวจีน โดยสิ่งที่ประเทศไทยต้องเตรียมรับมือคือเรื่องของเที่ยวบินที่เข้าออกประเทศไทยนั้นเพียงพอหรือไม่ รวมถึงการรองรับของสนามบินสุวรรณภูมิที่เป็นเรื่องวนไปมาไม่จบไม่สิ้น นั่นเป็นเพราะตังค์ทอน และการประกวดราคาจัดซื้อเฉพาะเจาะจงในรัฐบาลนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าปราบโกง แต่ในภาคการเมืองยังเลี้ยงกันด้วยกล้วย บางพรรคจ่ายให้ ส.ส. เดือนละ 200,000-300,000 บาท บางพรรคเมื่อมีคนเริ่มหนีก็อัดฉีดถึง 500,000 บาท และได้ยินมาอีกว่ามีการซื้อตัว ส.ส. เพื่อย้ายค่ายสูงถึง 50 ล้านบาท ที่การเมืองเน่าเช่นนี้เพราะนายกรัฐมนตรีอยากอยู่นานๆ ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองอยู่ได้
"เมื่อวาน (9 ม.ค. 2566) พล.อ.ประยุทธ์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ว่าจะอยู่อีก 2 ปี แต่อาจจะมีทริคอื่นๆ ที่ทำให้อยู่มากกว่านั้น ผมกำลังคิดว่า วันนี้ประเทศไทยต้องจริงจังเรื่องการเมือง กับรัฐธรรมนูญ ไม่อย่างนั้นจะไปไม่รอด เพราะรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นหลังจากปฏิวัติผมออกมาแล้ว เห็นแต่หน้าผม สกัดผมทีละอย่างไปเรื่อยๆ ผลสุดท้ายก็เข้าตัวเองทั้งหมด ทำบ้านเมืองไปไม่รอด แล้วตัวเองต้องกลืนน้ำลายกลายเป็นคนหน้าด้าน" โทนี่ ระบุ
โทนี่ เล่าว่า ตนได้เดินผ่านร้านหนังสือ จึงได้ซื้อหนังสือที่ชื่อว่า 'The Thing You Can See Only When You Slow Dow' ซึ่งเนื้อหาในหนังสือระบุว่า โลกมันหมุนไปตลอดเวลา แล้วคนก็บอกว่า ทำไมโลกมันยุ่งจัง ซึ่งถ้าเราหยุดจะรู้ว่าโลกไม่ได้ยุ่ง แต่จิตใจเรามันยุ่ง หนำซ้ำยังไปตรงกับที่นายกฯ พูดอีกว่า "ประเทศไทยอยู่ให้ได้แล้วกันถ้าไม่มีผม" ซึ่งในหนังสือเขียนว่า ไม่มีเรา โลกก็หมุนต่อไปได้ จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยกเลิกความคิดนั้นไปเสีย เพราะประเทศไทยอยู่มาก่อนที่นายกฯ จะเกิดด้วยซ้ำ แล้วมาบอกว่า ต้องแก้ปัญหาอีกร้อยเรื่อง ซึ่งปัญหานั้นก็เกิดมาจากตัวท่านสร้างไว้ เพราะท่านแก้ปัญหาไม่เคยสะเด็ดน้ำ
โทนี่ กล่าวอีกว่า ตามทฤษฎีหลักในการบริหารจัดการ 4M ทหารจะรู้แค่ 3M คือ Men (บุคลากร), Material (การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ) และ Money (งบประมาณ) แต่ขาดสิ่งที่สำคัญคือ Management (การบริหารจัดการ) เพราะรัฐบาลชุดนี้จัดการในแง่ของการทำธุรการ มีแฟ้มมาก็เซ็นต์ มีงานก็ต้องไป แต่ไม่เคยมียุทธศาสตร์ใดๆ ในการแก้ปัญหาแบบองค์รวม จึงทำให้ประเทศไทยหมักหมมปัญหามาเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น
รวมถึงหนังสือที่ชื่อว่า 5AM Club ที่ โทนี่ ระบุว่า คนเราต้องตื่นก่อนตะวันจะขึ้น เพื่อจะทำให้เกิด Health (สุขภาพ), Wealth (ความมั่งคั่ง) และ Wisdom (สติปัญญา) อย่างตนก็ตื่นตี 5 เพื่อมาดื่มกาแฟ ออกกำลังกาย ก่อนที่จะติดตามข่าวสารการเมืองโลก และไปอาบน้ำเพื่อมานั่งทำงาน ซึ่งคนที่เป็นผู้สร้างโลกทั้งหลายใช้ศาสตร์นี้ทั้งสิ้น รวมถึงอย่าให้ใครมาลิขิตชีวิตตัวเอง และต้องกตัญญู เพื่อที่คนจะได้เคารพเรา แม้ว่าตนจะช่วยเหลือคนอื่นไปเยอะก็ไม่ได้คาดหวังให้คนมากตัญญู แต่อย่าเนรคุณก็พอ เพราะคนจะมองคนเนรคุณเหมือนหมูเหมือนหมา
โทนี่ ยังกล่าวถึงสโลแกนในการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) อีกว่า ใช้เหมือน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือคีย์เวิร์ด "ต้องไปต่อ" ซึ่งถามว่ามันจะไปต่ออย่างไร เราต้องดูผู้นำเราก่อน ที่ผ่านมาวนอยู่ในอ่าง แล้วจะลงเหวด้วย ปัญหาคือการเปิดตัวเมื่อวานนี้มีแต่ความอลังการ แต่ไม่มีสาระ รอบตัวนายกฯ มีแต่พวก ส.ต. (สอบตก) ไม่ใช่ ส.ส. สิ่งที่ท่านต้องมีคือ การวางยุทธศาสตร์ เอาตัวให้รอดโดยการมี ส.ส.ให้ได้ 25 คนก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้เสนอชื่อนายกฯ และไม่ได้รับการพิจารณา
ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โลกของเราเกิด 3 วิกฤตคือ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศสงครามการค้ากับจีน ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในเรื่องการค้า และภูมิรัฐศาสตร์ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก และ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั้งหมด 3 เรื่องนี้เป็นวิกฤตช็อกโลกทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น ดอกเบี้ย และราคาพลังงานน้ำมันที่แกว่งไปมา ตลอดจนเรื่องของอาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงเกิดการกีดกันทางการค้าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังจากปี 1930 ตรงนี้จะเปลี่ยนทิศทางโลกทั้งหมด ทำให้เกิดการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่รุนแรง โดยเฉพาะเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่มีบทบาทในการแข่งขันการเป็นเจ้าด้านเทคโนโลยี ทำให้สหรัฐฯ กับจีน จึงแข่งขันกันสูง นอกจากการสร้างยุทโธปกรณ์ทางการทหาร
ปานปรีย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเศรษฐกิจไทย ถ้าเราไม่ปรับตัว หรือไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการบริหารเศรษฐกิจ เราจะอยู่ในฐานะที่ลำบาก อย่างยิ่งในวันนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หนี้สาธารณะที่กระโดดขึ้นสูงมาก สูงถึงขนาดต้องขยายจีดีพี จาก 60% ไปสู่ 70% และหนี้สาธารณะที่ไต่ขึ้นมาในระดับ 90% ของจีดีพี แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หนี้ครัวเรือน และหนี้ของธุรกิจทุกระดับยังสูงอยู่ดี นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้ประชาชนเห็นว่าเขาได้รับผลกระทบมาก และอยากได้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหา โดยตนก็เชื่อว่า รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ต้องหาทางแก้ปัญหาหนี้สินเป็นอันดับแรก
อีกทั้งในเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน รายได้ของประเทศไทยมาจากเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเรื่องการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่การท่องเที่ยวก็ไม่เพียงพอ ให้เศรษฐกิจขยายตัว ในเวลานี้เริ่มมีปัญาหาเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ มันควรจะต้องมียุทธศาสตร์ที่ยืดหยุ่น เพราะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น ต้องยกเลิก ทำให้มีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา นอกจากเรื่องการเมือง และรัฐธรรมนูญแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ
โทนี่ กล่าวว่า ตนเป็นคนฉีดวัคซีน 4 เข็ม โดยสองเข็มแรกคือ ซิโนฟาร์ม และสองเข็มหลังคือ ไฟเซอร์ ดังนั้นวันนี้โควิด-19 เชื้อมันกลายพันธุ์ไปมากแล้ว แต่กำลังมันอ่อนลง คือจะติดง่ายขึ้น และในที่สุดทุกประเทศจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งประเทศจีนปิดตัวเองมาตลอด และเมื่อจีนเปิดประเทศคนเลยเป็นเยอะขึ้น แต่ไม่ต้องตกใจ มันจะเป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดา ขอให้รักษาตามอาการ อย่าไปรักษาด้วยยาโมโนพีราเวียร์เพราะมันเป็นเชื้อคนละตัว รวมถึงรัฐบาลอย่าเรียกคนมาฉีดวัคซีนเพราะมันไม่ช่วยอะไรแล้ว วิธีที่ป้องกันที่ดีที่สุดคือ การทำตัวเองให้สะอาด พร้อมทั้งย้ำว่า ดีใจที่กระทรวงสาธารณสุขยอมถอยเรื่องการขอใบรับรองการฉีดวัคซีน แม้ว่าจะมีความเกรงใจจีน แต่ต้องรู้จริง และทำอะไรต้องเด็ดขาด เพราะความเกรงใจ และความกลัวจะทำให้ความเชื่อมั่นในประเทศเสื่อม
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า ผ่านมาสองปีแล้ว โควิด-19 เป็นเรื่องที่ยังมีความลี้ลับหลายอย่าง และบอกตรงๆ ว่า ความเห็นของแพทย์ก็แตกต่างกัน แต่ในความจริงที่ผ่านการพิสูจน์มาหลายครั้งพบว่า ตัวเชื้อต่างๆ มันกลายพันธ์ุ แต่ความรุนแรงมันลดลง ซึ่งวันนี้ตัวเชื้อที่ทำให้เกิดไข้หวัดสเปนก็ยังอยู่ แต่มนุษย์ก็ยังอยู่กับมันได้ เทียบกับโควิด-19 แล้ว เชื้อมันจะอ่อนลง และอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ซึ่งในประเทศไทยก็ยังคงมีการติดกันเป็นปกติ แต่ไม่ได้รุนแรง โดยสรุปคือว่า วันนี้เรื่องของการสมดุลในการใช้ชีวิตอยู่ต่อ และการเฝ้าระวังนั้นอาจจะมีการสุ่มตรวจเพื่อค้นหาสายพันธุ์ใหม่ๆ
โทนี่ ระบุถึงการจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ว่า งบลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% เพื่อให้ตีความให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ส่วนงบฯ ใช้หนี้ก็มีเพียง 1 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น จริงๆงบฯหนี้มากกว่านี้ รัฐบาลนี้ทำให้รายจ่ายประจำสูงมาก โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนข้าราชการที่เพิ่มมาก แน่นอนต้องเข้าใจว่าค่าใช้จ่ายเบื้องต้น บ้านเราข้าราชการและประชาชนไม่พอ ตนไปเกาหลีใต้ ขายก๋วยเตี๋ยว ค่าแรง 2,000บาทต่อวัน จบปริญญาตรี 80,000 บาทต่อเดือน เขามีร้านก๋วยเตี๋ยว เสื้อผ้าร้านโชห่วยเหือนเรา เราต้องทำเศรษฐกิจให้ดี แล้วเงินเดือนข้าราชการจะขึ้น ค่าแรงประชาชนจะขึ้น ไม่นั้นคนไม่พอกิน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่เหลือ แต่เราไม่ดูศักดิ์ศรีความเป็นมนุุษย์ ปล่อยให้มีหนี้รายได้ที่ต่ำ ทำงานเป็นรูทีน ต้องจัดการเรื่องหนี้ เข้าใจว่าทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยก็คิดแบบนี้ไว้หมดแล้วจะพูดวันที่ยุบสภาฯ
ปานปรีย์ ระบุว่า งบประมาณยังออกแบบเดิมๆ การจัดงบฯ แทบจะถูกล็อก งบลงทุนมีน้อย ก็เอางบลงทุนนั้นไปลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เรื่องการจัดงบฯ ให้เศรษฐกิจเติบโตขยายตัวมากขึ้นต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตประชาชนมากขึ้น ไม่ใช่จัดงบฯให้ส่วนใดเติบโต ดังนั้น งบฯ ยุคใหม่ควรกระจายมากขึ้นก็สอดคล้องกับการกระจายอำนาจ ที่ไม่เคยทำอย่างจริงจัง ก็ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างทั่วถึงไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ อันดับที่1และ2ของโลก ปัญหาหนี้สินครัวเรือนจะลดน้อยลง
เรื่องงบประมาณมีความสำคัญเท่ากับนโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่จะมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประชาชน เวลานี้เราจะเห็นเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องเล่นไม่ได้ เป็นปัญหาใหญ่มากระดับโลก สะท้อนมาถึงประเทศไทยที่พึ่งเศรษฐกิจโลก เพราะโลกมีปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ด้วย ความรู้ทางเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่เพียงพอ ถ้าไม่มีความรู้ภูมิรัฐศาสตร์การจะไปเจรจาการค้า การจะเปิดความสัมพันธ์ทางการทูต ใครจะเป็นเพื่อนฉัน ใครไม่เป็นเพื่อน ก็จะไม่ค้าขายด้วย ถ้าตรงนี้ไม่มีบุคคลทางความสามารถเหล่านี้ ตนคิดว่าประเทศไทยจะไม่สามารถดึงรายได้กลับมาจุนเจือเศรษฐกิจของประเทศได้อีก
ขณะที่ ปานปรีย์ กล่าวว่า ตนจะเน้นเศรษฐกิจไทย ควรมองยุทธศาสตร์เศรษฐกิจบวกความมั่นคงของประเทศจะเป็นหัวใจ แล้วเมื่อมียุทธศาสตร์จะต้องมีนโยบาย ควรเป็นเศรษฐกิจยืดหยุ่นไม่ใช่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีในเวลานี้ ต้องบริหารคู่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภูมิรัฐศาสตร์ เป็นหัวใจสำคัญทำให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นฟูไปได้ ขยายตัวได้ตามที่วางไว้
ส่วนบทบาทภูมิภาคอาเซียนนั้น ปานปรีย์ ระบุว่า ครั้งหนึ่งเราเคยเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า แต่ตอนนี้เริ่มมาอีกทางแล้วจะเปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบ มันเป็นเรื่องที่คิดว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญการต่างประเทศน้อยไปจากนี้ไปจะต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ เพราะจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยในอนาคต
โทนี่ ระบุว่า ไทยต้องแสดงภาวะผู้นำของอาเซียน เพราะเราเป็นประเทศไม่เล็ก แต่สิงคโปร์ไม่กล้าแสดงภาวะผู้นำแต่เขาเสนอไอเดียเยอะ แต่ขนาดเศรษฐกิจของไทยและประชากร ก็นำได้เลยจับมืออินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ได้ วันนี้เราเหมือนอยู่นอกวงของอาเซียนไม่คบม้าสมาคม เราอยู่ของเราชอบเป็นใหญ่ในประเทศเรา แต่ข้างนอกก็เจี๋ยมเจี้ยม อยากตั้งชื่อว่าอยู่ในประเทศชื่อลำพอง ไปต่างประเทศชื่อเสงี่ยม
สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ถ้าดูในเชิงของการใช้คนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะพบว่า คนที่ดี และมีควาสามารถเริ่มถอยห่าง และคนใกล้ชิดจะเป็นคนพูดเพราะ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ สบายใจ ซึ่งนี่คือจุดอ่อนของนายกฯ แม้จะมีการเปิดตัวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเป็นทางการ แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ หรือให้กำลังใจประชาชน เห็นแต่ความรู้สึกที่ว่า คนนี้อีกแล้วหรือ
ขณะเดียวกัน ภายใต้การเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลงไปหากเทียบกับภาพยนตร์เรื่องโลกิที่มีเส้นไทม์ไลน์ใหญ่ และมีมัลติเวิร์สอื่นๆ แยกย่อยออกมา ดังนั้นภายใต้เส้นหลักของการเมืองไทย กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หาร 100 กระแสอนุรักษนิยมเสื่อมถอย และกระแสเสรีนิยมเพิ่มขึ้นตลอดเวลา หากจะให้ประสบความสำเร็จ ฝ่ายเสรีนิยมต้องรวมเสียงกันได้ 275 เสียงขึ้นไป หรือใกล้ๆ 300 เพื่อทำให้พรรคอื่นไหลเข้ามาเป็นรัฐบาล โดยที่พรรคเพื่อไทยต้องอย่าปฏิเสธพรรคอื่นๆ รวมให้ได้มากที่สุด เพื่อจะเอา ส.ว. ออกจากสมการทางการเมือง และต่อจากนั้นภารกิจที่สำคัญที่สุดคือ ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อวางรากฐานให้การเมืองอย่างถูกต้อง และเป็นธรรม
สมชัย กล่าวอีกว่า ในหนังโลกิก็จะมีตัวร้ายที่เข้ามาทำให้มันมีจุดเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในแง่ของการจัดตั้งพรรคการเมือง และอาศัยเสียง ส.ว. ทำให้ตัวเองเกิดความได้เปรียบ และกลับมาโหวตตัวเองเป็นนายกฯ อีกสมัย จะทำให้เกิดการไหลของเสียงข้างมากไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แม้ว่าจะอยู่ได้อีก 2 ปี แต่เกมส์ของเขาคือ เมื่อถึงสมัยสุดท้ายที่ ส.ว. จะอยู่ครบวาระก็จะให้มีการเลือกนายกฯ กันใหม่ ซึ่งนี่คือการแตกเส้นไทม์ไลน์ออกไป ดังนั้นหน้าที่หลักของฝ่ายประชาธิปไตยต้องรักษาเส้นหลักให้ได้ และต้องไม่มีการแบ่งคะแนนกันเอง อีกทั้งการสงวนจุดต่างในทางอุดมการณ์ เราต้องมองว่า เอา พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ออกจากสมการทางการเมืองให้ได้
สมชัย เสริมอีกว่า แม้ว่า ส.ว.ยืนยันที่จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทั้งนี้เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านั้นอยู่ในอำนาจ เพื่อให้ได้มาซึ่งหน้าที่การงานของเขา ก็อย่าไปมองพวกเขาเป็นมิตร อย่าไปมองว่าเขาจะกลับตัวกลับใจมาเป็นคนดีทำตามมติของประชาชน ต้องมองเป็นศัตรูที่ 4 พรรค ประกอบด้วย เพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ ต้องรวมกันให้ได้ 275-300 ขึ้นไป ทั้งนี้ โทนี่ ได้เสริมขึ้นมาว่า เชื่อว่า 4 พรรคที่กล่าวมานั้นรวมกันแล้วได้ 300 ส่วนเพื่อไทยเกิน 250 ที่นั่งแน่นอน
นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดคลิปปราศรัยของ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ขึ้นกล่าวบนเวทีถึงการเลือกตั้งของประชาชนที่ใช้ความชอบมากกว่าสมอง ทำให้ได้คณะรัฐมนตรีที่ไม่ดี โดย สมชัย ได้ตั้งคำถามว่า พูดถึงรัฐบาลชุดนี้หรือเปล่า
อีกทั้ง โทนี่ เสริมว่า บางครั้งไตรรงค์ก็พูดด่าพรรคพวกตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่พูดทั้งหมดนั้นอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เมื่อก่อนเขาใช้หัวใจเลือกประชาธิปัตย์ แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้หัวใจแล้ว ใช้เงินแทน
ด้าน ปานปรีย์ มองว่า ถ้าไปในครรลองของกติกาหลัก ประชาชนตอนนี้ต้องการคนที่จะมาแก้ปัญหาให้เขา เพราะหนี้มันพอกพูนขึ้นทุกวัน และยังไม่มีใครพูดว่าจะหารายได้มากจากที่ไหน ถ้าไม่มีรายได้มาจุนเจือ หนี้จะเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถบริหารได้ และปัญหาเศรษฐกิจจะตามมา เวลานี้คิดว่า ประชาชนจะมองกลับมาว่า คนจะมาแก้ปัญหานี้อยู่พรรคไหน มีนโยบายแบบไหนที่จะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าในปี 2566 เศรษฐกิจไทยจะโตเพียง 3.7% ซึ่งต่ำกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 คือ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย นี่เป็นตัวชี้วัดว่า การบริหารเศรษฐกิจในระยะเกือบ 10 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเติบโต เป็นปัญหาที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาแก้ปัญหาให้ได้
สมชัย กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่เกิน 10 คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก ในกติกาบัตร 2 ใบ หาร 100 เพราะเนื่องจากคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามโพลนั้นอยู่ที่ประมาณ 13-14% ดังนั้นใครอยู่ในพรรคนี้ต้องแย่งกันเป็น 1 ใน 10 มิเช่นนั้นจะสอบตก ต่อมาคือ ส.ส.เขต จะพบว่า ผู้สมัครแถวหนึ่งที่ได้เป็น ส.ส. มาตลอดมีไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกแถวสอง แถวสาม หรือผิดหวังจากการที่พรรคเก่าไม่ส่ง ซึ่งในแถบชลบุรีนั้นให้เพียง 40% แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ของ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ส่วนภาคใต้ จะมีหลายส่วน ส่วนหนึ่งแปรมาจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ก็มีสองส่วนคือ เป็นสายตรงในพื้นที่ และอีกส่วนคือ พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธจะให้เป็นตัวจริง ซึ่งไม่ใช่ตัวโดดเด่น และในปัจจุบันภาคใต้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แม้ในอดีตจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ แต่หลังจากนั้นมีทั้ง ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และประชาชาติ ดังนั้นจึงเป็นพื้นที่ที่พรรครัฐบาลแข่งกันเอง โดยรวมทั้งบัญชีรายชื่อ และเขตแล้ว น่าจะแป้ก ราคาหุ้นเท่าเดิม คือได้ไม่ถึง 25 เสียง
ด้าน โทนี่ มองว่า ไม่มีทางถึง 25 เสียง เพราะการเริ่มขุดลำคลองจะให้เป็นแม่น้ำเลยมันลำบาก ส่วน พรรคพลังประชารัฐคงจับมือยากแล้ว หากใครจะขอจับมือมาจูบก้นดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็มีโอกาสที่จะอยู่ราวๆ 35 แต่เป็นการยาก เพราะจะมีหลายคนออก แม้วันนี้จะพยายามดึงด้วยเงิน แต่มันก็จะไปไม่ได้ ทำให้รัฐบาลนี้มีการคอรัปชั่นอย่างหนัก สรุปแล้วลูบหน้าปะจมูก แล้วต้องการอยู่ยาว ห่วงเก้าอี้มากกว่าห่วงประชาชน
ด้าน นพ.สุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังไม่มีการเปิดตัวนโยบายใดๆ เลย ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนเศษก็จะเข้าสู่การเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียงมันต้องคิกออฟแล้ว แต่กลับพบความน่าผิดหวัง เพราะการจัดงานใหญ่ แต่ออกมาแค่นี้ เรียกว่า 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้สอนอะไรเลย และหน้าเค้กของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคงจะลำบาก จึงมองว่า พรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะได้ไม่ถึง 25 ที่นั่ง
สมชัย ระบุ ส่วนประเด็นการจัดมหรสพ ร้องเพลงบนเวทีเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ”นั้น ตาม มาตรา 73 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 ห้ามจัดหาเสียงด้วยการจัดมหรสพ คือการแสดงทั้งหลาย ลิเก ลำตัด มีชัชชัย สุขขาวดี หรือ หรั่ง ร็อคเคสตร้า ขึ้นไปร้องเพลง รักเธอประเทศไทย ก็จบแล้ว เป็นการแสดงแน่นอน แต่ หรั่งไปร้องเพลงเกี่ยวกับรวมไทยสร้างชาติ 2 เพลงที่เชียร์พรรค รทสช. แต่งขึ้นใหม่ จะเป็นมหสรพหรือไม่ หรือฟังแล้วไม่ได้เรื่อง ตนว่าเรื่องนี้ต้องมีคนไปร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่าแบบนี้เป็นมหรสพ ถ้าเป็นก็ผิด แต่ถ้าไม่ผิดก็คิดเป็นค่าใช้จ่าย แต่ถ้า กกต.คิดว่าไม่เป็นจะเกิดเรื่องตามมา ก็จะมีพรรคการเมืองอื่นทำตามโดยนำศิลปินมาร้องเพลงให้กับพรรคการเมือง
"แค่เอาศิลปินมา เอา BLACKPINK มาถ้าร้องเกี่ยวกับพรรค ก็เป็นประเด็นได้ เรื่องนี้ กกต.จะต้องมีคำวินิจฉัย ถ้าไม่มีใครร้อง กกต.จะไม่วินิจฉัย ไม่มีต้นเรื่องดังนั้น ผมบอกว่าให้เวลา กกต.ใคร่ครวญ 1 สัปดาห์จะอธิบายประชาชนอย่างไร แต่ถ้าไม่ทำอะไร ผมจะร้องว่าอันนี้ทำได้หรือไม่ได้" สมชัย ระบุ
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาฯหรือครบวาระ สมชัย กล่าวว่า ถ้ามองตรงนี้ก็น่าจะยุบสภาฯ เพื่อให้เกิดการย้ายพรรคของ ส.ส.ที่ต้องการย้ายพรรคใหม่ได้มากขึ้นไม่เป็นข้อจำกัดต้องสังกัดพรรค 90 วันถึงวันเลือกตั้ง นับจากวันที่ 7 ก.พ. 2566 ถ้าพ้น 7 ก.พ.นี้ขยับไม่ได้แล้ว หลังจาก 7 ก.พ.แล้วต้องมียุบสภาฯ แน่นอน
"ผมจะขู่ไว้ก่อน อย่าไปเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาฯ แน่ๆ ดังนั้นใคร จะอยู่กับพรรคไหนรีบเอาตัวเองไปสังกัดพรรคการเมืองนั้นๆ ก่อนวันที่ 7 ก.พ. เพราะถ้า พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนใจอยากจะจารึกในประวัติศาสตร์อยู่ครบสมัยไม่ยุบสภาฯ ขึ้นมา คนที่ไม่ย้ายออกสังกัดพรรคใหม่ ตายเลยนะครับ พรรคไม่ส่งลงไม่ได้ ถ้ามองโอกาสเป็นไปได้ยุบสภาฯ แน่นอน แต่จะลากยาวให้ใกล้วันเลือกกตั้งที่สุด เห็นมีคนบอกว่าจะยุบสภาฯ หลังวันเกิด 21 มี.ค.นี้ของพล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่าวางใจกันและกัน ถึง 5-6 ก.พ.นี้ยังไม่ยุบสภาฯ ย้ายพรรคใหม่เถอะ อย่าไปเสียดายเงินเดือน อย่าไปเสียดาย 2 เดือนไม่มีอะไรกิน ก็ลาออกไปอยู่พรรคใหม่อย่าหวังน้ำบ่อน้ำ" สมชัย กล่าว
โทนี่ระบุว่า ถ้าสมมติรู้ว่าไปยาก จะอยู่ครบเทอมแน่ พล.อ.ประยุทธ์ ชอบแข่งกับตนอยู่แล้ว ถ้าอยู่ครบเทอมต้องลาออก ส.ส.ก่อน 7 ก.พ. และ ครม.รัฐมนตรีจะหายไปหลายตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์จะตั้งคนของตัวเองมาเป็นรัฐมนตรีหลายคน เพื่อเป็นรักษาการตอนยุบสภาฯ ในระหว่างเลือกตั้ง ควรเข้าไปเพื่อจะได้เป็นรัฐมนตรี ส.ส.ย้ายพรรคแน่ไม่เสี่ยง
สมชัย ระบุว่า ขนาด พล.อ.ประยุทธ์ ตนบอกหมดอย่านั่งรถหลวง ก็เชื่อฟังดี ทำให้ โทนี่ ระบุว่า สมชัยก็แนะนำเรื่อยๆ จะได้เชื่อฟัง สมชัยตอบว่า ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์จะชอบหรือไม่
ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีจะเลิกต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มองอนาคตไม่ได้ เพราะเนื้อหาภายในเฮงซวยด้วย เพราะคนเป็นกรรมการยุทธศาสตร์เป็นฝ่ายความมั่นคงเกินครึ่ง ถ้าใครติดตามสิ่งที่เรียกว่ารายงานผลความคืบหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศที่ ครม.ต้องเสนอต่อสภาฯทุก 3 เดือนไร้สาระที่สุด เขาให้สภาพัฒน์ฯ สร้างซอฟพาวเวอร์กรอกข้อมูลจะทำอะไรบ้าง บังคับส่วนราชการกรอกข้อมููลวุ่นวายไปหมด เสร็จแล้วก็เป็นขยะ ตัวรายงานแผนยุทธศาสตร์ชาติไปอ่านแล้วไร้สาระ
"ผมเคยอ่านของเดือน ม.ค.ปี 2565 ความสำเร็จเรื่องการปฏิรูปการเมืองที่เป็นผลงานโดดเด่นคือการจัดทำคลิปวิดีโอ 1 ชุด ยาว 7 นาที เรื่องฝุ่นหรือหยดน้ำ บ้าไปแล้ว เวลาเสนอไป ส.ว. ก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง" สมชัย กล่าว
ในช่วงท้ายผู้ดำเนินรายการได้พูดถึงข้อเสนอของ เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.จะเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปลดล็อกวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ไม่ได้แก้เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แต่แก้เพื่อนักการเมืองทุกคน เป็นเหตุที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไปต่อ โดย โทนี่ ระบุว่า เมื่อก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกันพรรคเพื่อไทย แต่ตัวเองไม่นึกว่าจะอยู่นานขนาดนี้ ตอนนี้อยู่แล้วมันจะแก้ใหม่ ตอนปี 2549 ติดภาพตนไว้แล้วเขียนรัฐธรรมนูญไม่รู้บูชาหรือไม่ รัฐธรรมนูญทุกฉบับมองเห็นหน้าตนหมดว่าจะกันอย่างไร
โทนี่ ระบุว่า คนเรามันไม่ชอบใช้สมองในทางที่สร้างสรรค์ ใช้โลภ โกรธ หลง พระบอกทำให้โง่ แต่ฉลาด แต่มีโลภ โกรธ หลงมาบัง
สมชัย กล่าวว่า ประโยคสั้น ๆปล่อยให้เขาเสนอข้อทุเรศที่สุดอย่าไปเบรกอย่าขยายผล ให้เขาพูดขยายผลสิ่งที่พูด จะกลายเป็นกระแสว่าไม่เลือกเขา และเลือกฝ่ายเราอย่างถล่มทลาย ให้เขาพูดเต็มที่ข้อความทุเรศออกมาเยอะๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง