แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2563 จะจบสิ้นลงแล้ว และ โจ ไบเดน ก็ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าความพยายามในการยืนยัน "ชัยชนะ" ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะล่าสุดในการประชุมของกลุ่มสนับสนุนแนวคิดอนุรักษ์นิยม หรือ Conservative Political Action Conference (CPAC) ที่เกิดขึ้นไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. 2564 ที่เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดา ทรัมป์ยืนยันอย่างหนักแน่นถึง "ชัยชนะสมัยที่ 2" เมื่อปีที่ผ่านมา
ทรัมป์กล่าวขณะปราศรัยบนเวทีว่าเขาได้เตรียมความพร้อมสำหรับทั้งการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2566 และในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2568 "ตอนนี้ยังห่างไกลกับคำว่าสิ้นสุด เราจะต้องได้รับชัยชนะ อเมริกาจะต้องแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา"
นี่เป็นอีกครั้งที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอ้างชัยชนะที่ไม่เป็นความจริงเหนือประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral College มากกว่าทรัมป์อย่างเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 306 ต่อ 232 คะแนน ขณะเดียวกันทรัมป์ยังกล่าวเป็นนัยถึงความเป็นได้ในการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง "ผมอาจตัดสินใจลงสมัครเพื่อเอาชนะพวกเขา(เดโมแครต)อีกครั้งเป็นสมัยที่ 3" แสดงถึงการที่ทรัมป์ยังคงยืนยันว่าเขาคือผู้ชนะในศึกการเลือกครั้งล่าสุดในวันที่ 3 พ.ย. 2563
ทรัมป์พุ่งเป้ากล่าวโจมตีประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่าไบเดนขโมยผลงานด้านการจัดการวัคซีนโควิด-16 ไปจากคณะรัฐบาลของทรัมป์ ย้ำว่าไบเดนจำเป็นต้องอนุญาตให้สถานศึกษาเปิดได้ตามปกติโดยเร็ว พร้อมกล่าวโจมตีนโยบายด้านผู้อพยพของไบเดนอีกด้วย และแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น ทรัมป์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลไบเดนสร้างภาวะวิกฤตให้เกิดขึ้นกับพื้นที่พรมแดนทางใต้ของประเทศ โดยเฉพาะประเด็นของวิกฤตผู้อพยพวัยเยาว์
ในการกล่าวปราศรัยครั้งนี้ ทรัมป์ยังได้เดินหน้ากล่าวหากระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เป็นกระบวนการที่ทั้งคอรัปชันและป่วยการ และยังกล่าวหาว่าศาลฎีกาล้มเหลวในการตักสินคว่ำผลเลือกตั้งเนื่องจากชัยชนะของไบเดน เป็นสิ่งที่ได้มาจากการ "เลือกตั้งล่วงหน้าด้วยไปรษณีย์" ซึ่งทรัมป์เชื่อว่านั่นเป็นสาเหตุของการโกงเลือกตั้ง เขาจึงขอเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนทั้งหลายสนับสนุนแผนการเลือกตั้งของเขาในอนาคต "ด้วยความช่วยเหลือจากพวกคุณ เราจะครอบครองสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง เราจะเป็นผู้ชนะในวุฒิสภา และท้ายที่สุดประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันก็จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่และกลับคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง"
"ผมก็สงสัยนะว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร ใครนะใคร คนๆนั้นจะเป็นใคร ผมสังสัยจริงๆ"
ทั้งนี้ ทรัมป์ยังไม่มีท่าทีที่จะกล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์การก่อเหตุจลาจลในวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ผู้สนับสนุนของทรัมป์บุกอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตันจนนำไปสู่การปะทะและมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่เสียงผู้สนับสนุนของเขาในสภาผู้แทนราษฎรฝั่งรีพับลิกันก็ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี ส.ส.รีพับลิกันมากถึง 10 คนลงมติเห็นชอบในกระบวนการถอดถอนทรัมป์ครั้งที่ 2 ซึ่งท้ายที่สุดเขารอดพ้นจากการถอดถอนโดยมติของสภาสูงสหรัฐฯ