เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ได้เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของเผด็จการทหารเมียนมา เพื่อเตรียมหนทางที่จะ “ฟื้นฟูการมีสัมพันธ์กับเมียนมาอย่างเต็มที่ในระดับผู้นำ”
ผู้นำระดับสูงของเผด็จการทหาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนมา ต่างถูกกีดกันออกจากการประชุมระดับสูงของอาเซียนตั้งแต่ปลายปี 2564 หลังจากเผด็จการทหารล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนการของอาเซียน เพื่อฟื้นฟูสันติภาพในเมียนมาเอง ซึ่งกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายนับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหาร เมื่อ 2 ปีก่อน
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ปฏิเสธการเข้าร่วมการเจรจาที่จัดขึ้นในรีสอร์ตพัทยา ระหว่างวันที่ 18-19 มิ.ย. โดยตัวแทนจากสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเมียนมา ตลอดจนจีนและอินเดียได้เข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี อินโดนีเซีย ประธานอาเซียนคนปัจจุบันวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยในการจัดการพูดคุย ซึ่งถูกประณามโดยสมัชชารัฐสภาอาเซียน รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา และองค์กรภาคประชาสังคมหลายร้อยแห่งในประเทศ
จากแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศของเผด็จการเมียนมา ระบุว่า ตานฉเว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเผด็จการเมียนมา ใช้โอกาสแรกของเขาอย่างเต็มที่ในการพูด ณ ที่ประชุมระดับภูมิภาค โดยเขากล่าวว่าข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเมียนมาถูกปิดกั้น และมีเพียงข่าวเท็จและการพาดพิงเกี่ยวกับประเทศเท่านั้นที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อที่มีอคติ
ตานฉเวกล่าวในการเจรจาว่า กองทัพเมียนมากำลังมุ่งความพยายามไปที่ 3 ใน 5 ประเด็นสำคัญของข้อเสนอโดยอาเซียน ได้แก่ การยุติความรุนแรงในประเทศ การเริ่มต้นการเจรจาระหว่างทุกฝ่าย และส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา พร้อมกล่าวโทษว่าองค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ (EAO) ของเมียนมาเป็นต้นเหตุที่ทำให้การสู้รบในประเทศบานปลาย
นอกจากนี้ ตานฉเวยังกล่าวอ้างเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อพลเรือน โดยเขากล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารของเมียนมา ได้รับการฝึกฝนให้ปฏิบัติตามกฎการสู้รบ ที่ระบุไว้ในอนุสัญญาเวียนนา และไม่ใช้กำลังที่ไม่สมส่วน พร้อมกับกล่าวหาว่ารัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ และกองกำลังป้องกันประชาชนฝ่ายติดอาวุธได้สังหาร “พลเรือนที่ปราศจากอาวุธกว่า 5,800 คน” อย่างไรก็ดี ตานฉเวระบุว่าเมียนมาไม่ได้นิ่งเฉยเกี่ยวกับการที่เผด็จการทหารได้สังหารประชาชนอย่างน้อย 3,692 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้เคลื่อนไหวต่อต้านระบอบการปกครอง
ระหว่างการประชุมที่พัทยา ตานยฉเวไม่ได้กล่าวในข้อเท็จจริงหลังการรัฐประหารว่า คณะปกครองของพวกเขายังคงไม่สามารถควบคุมประเทศได้ และกำลังสูญเสียการควบคุมพื้นที่จำนวนมากให้กับกองกำลังปกป้องประชาชน นอกจากนี้ เขายังละเลยที่จะกล่าวถึงการที่กองกำลังของเผด็จการทหารได้รับความสูญเสียอย่างหนักตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการสู้รบ
ตานฉเวยังไม่ระบุถึงการจัดการเลือกตั้งในเมียนมา ซึ่งถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ภายใต้การนำของ มินอ่องหล่ายน์ ในทางตรงกันข้าม แถลงการณ์ของเผด็จการทหารในการประชุมยังอ้างว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในประเทศของเมียนมา และหวังที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับเมียนมา
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวว่า การพูดคุยโดยตรงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องประเทศไทย โดยประยุทธ์อธิบายว่าประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนมากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากมีพรมแดนทางบกติดกับเมียนมา โดยถึงแม้ว่าไทยจะกล่าวปกป้องการประชุมนี้ แต่ยังมีคำถามว่าทำไมไทยถึงรีบตัดสินใจจัดการเจรจา ในเมื่อรัฐบาลใหม่คาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งในเดือน ส.ค. หลังจากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคคู่แข่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
ที่มา: